วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

Bill Gross



ชื่อของ Bill Gross นั้น  ในแวดวงนักลงทุนของไทยคงมีคนรู้จักน้อย   แต่ในสหรัฐนั้น  เขาเป็น มือหนึ่งในด้านการลงทุนในตลาดเงินและตราสารหนี้   กองทุน PIMCO หรือ Pacific Investment Management Co. ที่เขาช่วยก่อตั้งขึ้นกลายเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก   Bill Gross เองต้องดูแลรับผิดชอบบริหารเงินกว่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 6 ล้านล้านบาทซึ่งมากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลไทยหลายเท่า  มีการทำโพลเมื่อเร็ว ๆ  นี้ในแวดวงของนักการเงินพบว่า  Bill  Gross เป็นรองเพียง  วอเร็น บัฟเฟตต์  เท่านั้นในฐานะที่เป็นคนที่สามารถคาดการณ์และวิเคราะห์ภาวะตลาดการเงินในโลกได้แม่นยำที่สุด

ผมคงไม่พูดถึงกลยุทธ์การลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ของ บิล กรอส  เหตุผลก็คือ  ผมไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร  นอกจากนั้น  การลงทุนในตราสารหนี้นั้น  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการดูภาพใหญ่หรือภาพ  Macro ในภาษาทางเศรษฐศาสตร์  ถ้ามองภาพใหญ่ออก   การซื้อขายพันธบัตรหรือตราสารหนี้ก็ทำได้ไม่ยาก  เพราะสูตรทางคณิตศาสตร์ก็จะบอกให้รู้ว่าราคาของพันธบัตรจะวิ่งไปทางไหน  แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คือประวัติ  แนวความคิด และวิธีทำงานของเขา  ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับการลงทุนของ Value Investor มากกว่า

บิล กรอส เริ่มชีวิตของการเป็นนักลงทุน  ถ้าจะว่าไป   จากการ  นับไพ่ในบ่อนกาสิโนที่ลาสเวกัส  นั่นคือในช่วงที่เขายังเป็นวัยรุ่นหลายสิบปีมาแล้วที่คนยังไม่ค่อยรู้ว่าการ  นับไพ่นั้น   ถ้าเรารู้เรื่องความน่าจะเป็นทางสถิติ  เราจะสามารถเอาชนะเจ้ามือได้  บิล กรอส สามารถทำเงินจาก 200 เหรียญกลายเป็น 10,000 เหรียญจากบ่อนก่อนที่จะถูกเกณฑ์เป็นทหารไปรบในสงครามเวียตนาม  แต่ในระหว่างนั้นเขาก็เริ่มคิดไปข้างหน้าว่าในโลกของผู้ใหญ่นั้น   จะมีที่ไหนที่เขาจะสามารถทำแบบเดียวกัน  นั่นคือ  ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์  เล่นเป็นเกม  แล้วได้กำไร  สิ่งที่เขาพบก็คือ  ที่ตลาดหุ้น  

อย่างไรก็ตาม  สุดท้ายมันกลายเป็นตลาดพันธบัตรที่ทำให้เขาสามารถทำกำไรหรือสร้างผลตอบแทนอย่างโดดเด่นและทำให้เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ  ของโลกของการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดตราสารหนี้  ผลงานของ บิล กรอส ก็คือ  เขาสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงสิบปีนับถึงปี 2007 ได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีและชนะอัตราเฉลี่ยของตลาดถึง 5.25%  ในช่วง 3 ปีสุดท้าย           

ในความคิดของ บิล กรอส เขาบอกว่า  ผู้จัดการกองทุนที่ยิ่งใหญ่นั้นจะต้องเป็นนักคณิตศาสตร์ หนึ่งในสาม  เป็นนักเศรษฐศาสตร์หนึ่งในสาม  และเป็นนักเล่นพนันม้าแข่งอีกหนึ่งในสาม  การเป็นนักคณิตศาสตร์นั้น   ผมคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการลงทุนในพันธบัตร  เพราะการคำนวณราคาที่เหมาะสมของพันธบัตรนั้นต้องใช้สูตรการคำนวณที่ซับซ้อนมากไม่ได้มีตัวเลขง่าย ๆ  ที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเช่นค่า PE ในกรณีของหุ้น  

ส่วนการเป็นนักเศรษฐศาสตร์นั้น  ในกรณีนี้ส่วนใหญ่แล้วต้องเป็นเศรษฐศาสตร์มหภาคที่จะช่วยให้รู้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะไปทางไหน  ซึ่งในกรณีของหุ้นนั้น  เราจำเป็นต้องรู้เศรษฐศาสตร์โดยรวมมากกว่าสุดท้ายก็คือ  การเป็นนักเล่นพนันม้าแข่ง  ในกรณีนี้ผมคิดว่าเหมือนกันทั้งในการลงทุนในตราสารหนี้และในหุ้น   เหตุผลก็คือ  ในการซื้อพันธบัตรหรือหุ้นนั้น  ไม่ใช่ว่าเราจะมองที่ตัวบริษัทหรือคุณภาพของบริษัทเพียงด้านเดียว  แต่เราต้องดูถึงราคาที่ซื้อขายกันด้วยว่ามันคุ้มไหมที่จะ  แทง  เพราะม้าดี  อัตราการจ่ายรางวัลก็มักจะต่ำ  เช่นเดียวกัน  หุ้นดีหรือบริษัทที่ออกตราสารหนี้มีฐานะการเงินดี  ราคาหุ้นหรือตราสารหนี้ก็มักจะสูง  ดังนั้น  คนที่จะชนะในการพนันม้าและคนที่จะชนะในการพนันหุ้นหรือตราสารหนี้ก็จะต้องรู้จักความน่าจะเป็นของการชนะและอัตราการต่อรองเหมือนกัน

วิธีการทำงานของ บิล กรอส เองก็น่าสนใจ   เขาบอกว่าทุกวันตั้งแต่ 8.30 ถึง 10.00 น.  เขาจะเล่นโยคะและออกกำลังกายที่คลับที่อยู่ตรงกันข้ามกับที่ทำงาน  และเป็นที่รู้กันว่าเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เป็น สวรรค์ของเขาที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเลย  ที่ผ่านมาเขาเคยถูกเรียกให้กลับไปที่ห้องซื้อขายหลักทรัพย์เพียง 2-3 ครั้งเท่านั้นซึ่งรวมถึงในช่วงวัน  Black Monday ที่ตลาดถล่มทลายในปี 1987 ด้วย  เวลาที่เขาออกกำลังกายหรือเล่นโยคะนั้นเป็นเวลาที่เขาใช้คิดถึงการลงทุนต่าง ๆ  ด้วย   และเขาบอกว่าไอเดียดีที่สุดบางอย่างของเขานั้น  เกิดขึ้นเมื่อเขายืนอยู่บนศีรษะและขาชี้ฟ้าอยู่ 
ชีวิตประจำวันอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ  บิล กรอส  ตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง  และตรวจสอบตลาดการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลกจากคอมพิวเตอร์ที่บ้าน  เขาถึงที่ทำงานประมาณตีห้าครึ่งเพื่อที่จะบริหารเงินจำนวนมหาศาลด้วยตนเอง  คติพจน์ของเขาก็คือ  เขาไม่ต้องการติดต่อกับใครเลย  เขาต้องการตัดการติดต่อกับทุกคน  เขาจะรับสายเพียง 3-4 ครั้งต่อวัน ยกเว้นภรรยาของเขา  และเขาจะดูอีเมล์เฉพาะที่เขาต้องการจะดูเท่านั้น  ที่สำคัญ  เขาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ  ถ้าจะสรุปก็คือ  เขาต้องการความเป็นอิสระที่จะไม่มีอะไรมาทำให้วอกแวกได้  และนี่น่าจะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากของการเป็นนักลงทุนโดยเฉพาะในการเทรดพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่มักจะต้องมีสมาธิสูงและต้องการความรวดเร็วมากในการ  เคลื่อนย้ายเงิน  จำนวนมโหราฬในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่จะทำให้ได้ชัยชนะ  และนี่อาจจะไม่เหมือนการลงทุนในหุ้นในสไตล์ของ Value Investment ที่มักจะออกแนวช้า ๆ  

อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่เหมือนกันก็คือ  คุณต้องการความเป็นอิสระในการคิดเหมือนกันแน่นอน  บิล กรอส คงไม่ได้เป็น  ตำนาน  โดยที่ไม่ได้ผ่าน  วีรกรรม  สำคัญ    เช่นวิกฤติการณ์ ซับไพร์ม หรือวิกฤติการณ์อื่น ๆ  อีกหลายอย่าง  เขาผ่านมันมาได้อย่างงดงามด้วยการที่สามารถคาดการณ์และวิเคราะห์ได้ถูกต้องว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นและเตรียมตัวในการรับกับมันให้ได้  และนั่นอาจจะเป็นเงื่อนไขหรือปัจจัยสำคัญในการที่จะยิ่งใหญ่และดำรงความยิ่งใหญ่ให้กับเซียนตัวจริงทุกคน  

และนี่ทำให้ผมนึกถึง  Long Term Capital Fund ที่เคยเป็นกองทุนที่เล่นในตลาดตราสารหนี้ที่เคยยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมากไม่แพ้ Pimco  แต่แล้ว  ในวันหนึ่งมันก็ล่มสลายลงพร้อม ๆ  กับความยิ่งใหญ่ของคนที่บริหารมัน  ผมก็ได้แต่หวังว่า  บิล กรอส  ในวัยกว่า 60 ปีจะจบชีวิตการลงทุนในฐานะของเซียนสุดยอดการลงทุนในพันธบัตรในอนาคตที่อาจจะไม่ไกลนัก  เพราะ นักเทรดนั้น  ปกติแล้วเป็นเรื่องยากที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงเมื่ออายุมากขึ้น

18  มกราคม  2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น