ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นกระทิงยาวนานนั้น
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เรามักพบเห็นเสมอก็คือ
มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากตลาดหุ้น
ผลตอบแทนที่พวกเขาได้รับนั้น หลาย ๆ คนสามารถทำได้สูงลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ
จำนวนไม่น้อยสูงยิ่งกว่า วอเร็น บัฟเฟตต์
ไม่ว่าจะวัดกันในช่วงเวลาไหนในเวลาที่เท่า ๆ กัน ตัวอย่างเช่น นาย ก. ลงทุนมา 10
ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นที่ทำได้สูงถึงปีละกว่า 40% ในขณะที่บัฟเฟตต์เองนั้น
ไม่เคยทำได้ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พอร์ตเขายังเล็กที่การสร้างผลตอบแทนสูงยังทำได้ง่าย
หรือในช่วง “ยุคทอง” ไหนของบัฟเฟตต์ก็ตาม
ว่าที่จริงปีที่บัฟเฟตต์ทำผลตอบแทนได้ถึง 40% นั้นก็มีไม่เกิน 10 ปีในช่วงเวลากว่า
50 ปีของชีวิตการลงทุนของบัฟเฟตต์ ดังนั้น
ถ้าจะวัดกันที่ผลการลงทุนเป็นเปอร์เซ็นต์แบบทบต้นต่อปีแล้ว คนที่ทำได้สูงกว่า
วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น มีไม่น้อย
เพียงแต่ว่าชื่อเขาอาจจะไม่เป็นที่รู้จักยกเว้นในกลุ่มคนเล็ก ๆ
ที่เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์กันอยู่ คนเหล่านี้ บางที เราก็เรียกกันว่า “วอเร็น บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน” อย่างไรก็ตาม ระหว่าง
วอเร็น บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน กับ วอเร็น บัฟเฟตต์ ตัวจริง นั้น มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่เราควรรู้
ข้อแรก ก็คือ ระยะเวลาการลงทุนของ “วอเร็น ข้างบ้าน” นั้น มักจะสั้นกว่ามาก
ส่วนมากก็มักจะไม่เกิน 10 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ส่วนใหญ่อาจจะลงทุนมาแค่
5-6 ปี แต่ผลตอบแทนอาจจะสูงกว่าที่บัฟเฟตต์ทำได้ในเวลา 10 ปี พูดง่าย ๆ บัฟเฟตต์นั้น
“ชิดซ้าย” ไปได้เลย อย่างไรก็ตาม
ผลตอบแทนที่ทำได้สูงลิ่วนั้น ส่วนมากมาจากเงินต้นจำนวนที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น
พวกเขาก็ยังมักจะไม่รวยมาก แม้ว่าบางคนก็อาจเข้าข่าย “เศรษฐี”
ย่อย ๆ ได้เหมือนกัน
ข้อสอง ผลตอบแทนของ วอเร็น ข้างบ้าน ที่ทำได้สูงลิ่วนั้น มักจะทำได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมมากและต่อเนื่องยาวนาน
ถ้าจะมีการปรับตัวก็เป็นการปรับตัวในระยะเวลาสั้น ๆ
ถ้าคิดถึงตลาดหุ้นไทยก็คือช่วงเวลานี้ที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมานับสิบปีแล้วหลังจากวิกฤติในปี
2540 ที่ดัชนีหุ้นเคยตกต่ำลงไปเหลือแค่ 200 จุดต้น ๆ จนถึง 1,000 จุดในช่วงนี้
ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริงนั้น ผ่านสถานการณ์ตลาดหุ้นมาทุกสถานการณ์
ตั้งแต่ดีสุดถึงร้ายสุด ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี
ข้อสาม ผลตอบแทนของ วอเร็น ข้างบ้าน ปีต่อปี นั้น
มักจะไม่สม่ำเสมอ บางปีก็ได้ไม่มากและบางปีอาจจะถึงกับขาดทุน แต่ในบางปีโดยเฉพาะในปีท้าย
ๆ ของการวัดผลงานนั้น
พวกเขามักทำผลตอบแทนได้อย่างมโหฬารคิดเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์
ซึ่งทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงลิ่ว ในขณะที่ วอเร็น ตัวจริง นั้น
ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ น้อยครั้งที่พอร์ตของเขาจะขาดทุน ในช่วงเวลากว่า 50 ปี
เขาเคยขาดทุนไม่น่าจะเกิน 5 ปี นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า
การลงทุนของบัฟเฟตต์ตัวจริงนั้นมีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก
ข้อสี่ หุ้นที่ บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ลงทุนนั้น
มักจะเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังร้อนแรง
หรือเป็นหุ้นที่มีการเก็งกำไรร้อนแรง ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนสูงลิ่วในระยะเวลาสั้น ๆ
ในขณะที่หุ้นที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง ลงนั้น
มักจะเป็นหุ้นในอุตสาหกรรมปกติที่มีความได้เปรียบที่ยั่งยืน มีผลประกอบการดี
และให้ผลตอบแทนที่สูงสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนาน
ข้อห้า วอเร็น ข้างบ้าน นั้น
มักจะมีการซื้อขายหุ้นในระยะเวลาที่สั้น
โดยทั่วไปมักจะถือหุ้นเฉลี่ยไม่เกินหนึ่งปี พวกเขาทำกำไรโดยการ “หมุนหุ้น” ซื้อหุ้นที่มีโอกาสดีดตัวอย่างแรงจากปัจจัยบางอย่าง
เมื่อหุ้นขึ้นถึงจุดหนึ่งก็ขาย แล้วไปจับหุ้นตัวใหม่ที่น่าจะมี “Upside” หรือโอกาสในการวิ่งขึ้นสูงกว่า ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง นั้น
ซื้อหุ้นแล้วแทบไม่ขาย ปล่อยให้ผลตอบแทนของหุ้นโตตามผลประกอบการของบริษัท
ข้อหก ในแง่ของจำนวนหุ้นที่ถือในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ บัฟเฟตต์
ข้างบ้าน มักลงทุนตามแบบ บัฟเฟตต์ ตัวจริง นั่นก็คือ ถือหุ้นน้อยตัวหรือลงทุนแบบ Focus
เพียงแต่ว่า วอเร็น ข้างบ้าน นั้น มักจะถือหุ้นน้อยตัวยิ่งกว่า
หลายคนถือหุ้นเพียงตัวเดียวหรือสองสามตัวในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ
หรือหุ้นตัวสองตัวก็คิดเป็น 80-90% ของพอร์ตไปแล้ว ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง
นั้นน้อยครั้งที่เขาจะมีหุ้นตัวใดตัวหนึ่งคิดเป็น 40-50% ของพอร์ต
และนั่นคือช่วงเวลาที่พอร์ตของเขายังไม่ใหญ่มาก ในช่วงปัจจุบัน
ผมคิดว่าหุ้นแต่ละตัวน่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 10-20% ของพอร์ตของบัฟเฟตต์
ข้อเจ็ดและเป็นข้อสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ ในกรณีของ
บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน นั้น กำไรหรือผลตอบแทนที่ทำได้สำหรับบางคนก็เป็น “กระดาษ” นี่คือกรณีที่มีการแสดงผลการลงทุนของพอร์ตที่ไม่ได้ใช้เงินจริงแต่เป็นการ
“แข่งขัน” ลงทุนระยะยาวตามเวบไซ้ต์ในต่างประเทศ
ในกรณีแบบนี้เจ้าตัวอาจจะไม่ได้ลงเงินจริง ๆ ก็ได้ และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนจริง
ๆ คนส่วนมากก็มักจะไม่ได้เก็บสถิติอย่างละเอียดถี่ถ้วน
และมักจะมีการเติมเงินและถอนเงินเป็นระยะ ดังนั้น
ผลตอบแทนที่อ้างว่าทำได้ก็อาจจะไม่ถูกต้อง เหนือสิ่งอื่นใด
ข้อมูลผลตอบแทนที่มีการอ้างถึงก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนและเป็นข้อมูลที่เปิดเผยพิสูจน์ได้
ตรงกันข้าม ในกรณีของ บัฟเฟตต์ ตัวจริง นั้นผลตอบแทนที่ทำได้เป็น “ข้อมูลสาธารณะ” ที่เขาต้องประกาศทุกปีในฐานะห้างหุ้นส่วนและต่อมาเป็นบริษัทมหาชน
กล่าวโดยสรุปสำหรับความแตกต่างระหว่าง วอเร็น บัฟเฟตต์
ตัวจริง กับ วอเร็นบัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ก็คือ วอเร็น ตัวจริง นั้น
เขาประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นนักลงทุนระยะยาวที่เน้นการลงทุนในหุ้นของกิจการที่มีผลประกอบการที่ดีสม่ำเสมอและปลอดภัยจริง
ๆ ในทุกสถานการณ์
เขาไม่เก็งกำไรและมีการกระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นในระดับที่เหมาะสมไม่น้อยหรือมากตัวเกินไป
ในขณะที่ วอเร็น ข้างบ้านนั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีเท่าหรือเหนือกว่าบัฟเฟตต์ตัวจริง
แต่ความเสี่ยงก็สูง จำนวนมากนั้นมีลักษณะแบบนักเก็งกำไร
ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นบูมปัญหาก็ไม่มี อย่างไรก็ตาม โชคอาจจะไม่ดีเสมอไป ดังนั้น
เมื่อมาถึงจุดที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย ผลงานของบัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ก็มักจะด้อยลงไปมาก
เช่นเดียวกัน พอร์ตที่ใหญ่ขึ้นมากก็มักไม่เอื้อให้ บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน
สามารถดำเนินกลยุทธ์เดิม ๆ ได้ง่าย และนั่นเป็นเหตุให้ วอเร็น บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน
ส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงแบบเดิมต่อไปได้นานพอที่จะทำให้เขารวยมากจนเป็นที่สังเกตของคนในสังคมวงกว้างได้
29 พฤศจิกายน
2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น