วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คิดเชิงกลยุทธ์


Value Investor ระดับเซียนนั้น   ผมคิดว่าจะต้องเป็น นักคิด  ที่เฉียบคม  และการคิดนั้น   จะต้องเป็นการคิดในเชิงกลยุทธ์  นั่นคือ  เป็นการคิดเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้   การแข่งขัน  ที่จะทำให้ฝ่ายหนึ่งชนะและอีกฝ่ายหนึ่งแพ้   หรือใครจะนำและใครจะตาม   ตำแหน่ง  ของใครดีกว่าตำแหน่งของคนอื่นและทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้หรือคู่แข่งขัน   ว่าที่จริง  นักลงทุนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนคิดว่าจะต้องใช้กลยุทธ์อะไร   เขาเพียงแต่ต้องรู้หรือดูให้เป็นว่ากลยุทธ์หรือตำแหน่งของใครเป็นอย่างไรและดีกว่าคู่แข่งอย่างไร   เขาคิดและ  ตัดสิน  ว่าใครจะชนะหรือใครได้เปรียบและอนาคตจะเป็นอย่างไร   ความคิดของเขามักจะถูกมากกว่าผิดเพราะมันเป็นความคิดที่มีเหตุผลและมีหลักวิชาการที่ถูกต้อง

ความคิดที่มีเหตุผลและเป็นเชิงกลยุทธ์นั้น  ผมคิดว่าต้องมีการฝึกฝนและบางทีอาจจะเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวด้วย   ดูอย่าง วอเร็น บัฟเฟตต์  เองนั้น  เขาชอบเล่นบริดจ์เป็นชีวิตจิตใจและเล่นได้เก่งมากทีเดียว   บริดจ์นั้นเป็นเกมที่ต้องใช้ทั้งความคิดและความจำและต้องมีกลยุทธ์ที่ดีเยี่ยม  การที่เขาชอบเล่นเกมนี้เป็นเครื่องชี้อย่างหนึ่งว่าเขาชอบ   การคิดและการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้ได้ชัยชนะในการแข่งขัน

ส่วนตัวผมเองนั้น   เมื่อมองย้อนหลังไปในช่วงที่ยังเป็นเด็ก  ผมชอบเล่นเกมที่เกี่ยวกับความคิดและการแข่งขันหลายอย่าง   แต่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเป็นชีวิตจิตใจก็คือการเล่นหมากรุกจีนซึ่งผมจะเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ  และเมื่อเล่นแล้วผมแทบจะลืมกินอาหาร  หมากรุกนั้นเป็นเกมการแข่งขันที่ต้องใช้การวางแผน  โดยแผนที่ดีนั้นจะต้องมีการมองไปข้างหน้าหลาย ๆ  ก้าว   นอกจากการวางแผนเพื่อเอาชนะแล้ว  คนเล่นยังต้องคอยระวังและป้องกันการ รุก  ของคู่ต่อสู้ด้วย   ผมไม่ได้เป็นนักเล่นหมากรุกที่ยอดเยี่ยมอะไร  แต่ทุกวันนี้เมื่อมีเวลาว่างผมก็ยังเล่นหมากรุกจีนอยู่  เพียงแต่ว่าเป็นการเล่นกับคอมพิวเตอร์เป็นหลักเนื่องจากหมากรุกจีนนั้น  คนที่เล่นกันในปัจจุบันดูเหมือนจะมีน้อยมากและต่างก็อายุมากกันแล้ว



            การเล่นเกมที่ต้องใช้ความคิดในเชิงกลยุทธ์นั้น   ผมคิดว่านอกจากจะช่วยทำให้เราคิดเก่งในการใช้ความคิดเชิงกลยุทธ์แล้ว  ยังช่วยลับสมองเราไม่ให้เสื่อมถอยเร็วเกินไปเวลาเราแก่ตัวลงด้วย   และเกมที่ผมคิดว่าช่วยฝึกสมองให้คิดแบบเชิงกลยุทธ์เราได้นั้น  นอกจากบริดจ์และหมากรุกทุกประเภทแล้ว  ยังน่าจะรวมถึงเกมโกะ   และโมโนโปลี่   ส่วนเกมอย่างหมากฮอสหรือการเล่นไพ่อย่างเกมไพ่รัมมี่นั้น   ถึงจะต้องใช้การวางกลยุทธ์บ้างแต่ผมคิดว่ามันยังใช้ไม่มากพอ  นอกจากนั้น   เกมใช้สมองอย่างอื่นเช่นเกมต่ออักษรให้เป็นคำที่เรียกว่า  Cross Words  หรือเกมเรียงตัวเลขอย่างซูโดกุ นั้น  ผมคิดว่าไม่ใช่เกมที่ใช้กลยุทธ์เป็นหลักในการเล่น  ดังนั้น  จึงไม่เป็นประโยชน์ในแง่ของการลงทุน

ลำพังการมีความสามารถในการเล่นเกมต่าง ๆ  ดังกล่าวคงไม่เป็นประโยชน์กับการลงทุน  นักลงทุนที่จะเก่งนั้นต้องคิดไปถึงเรื่องของกลยุทธ์ในการต่อสู้และการแข่งขันใน  ชีวิตจริง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางธุรกิจ   การที่จะมีความสามารถอย่างนั้นได้   นอกจากความสามารถในการคิดแล้ว  สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ  วิชาการ  นั่นหมายถึงว่าเราจะต้องศึกษาและต้องอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการต่อสู้และการแข่งขันต่าง ๆ  ให้มาก   การแข่งขันหรือการต่อสู้ที่ต้องใช้กลยุทธ์นั้น   นอกจากในวงการธุรกิจแล้วก็ยังมีในเรื่องของสงคราม   การเมือง   และ  เชื่อไหมครับว่า เป็นเรื่องของชีวิตของเราแต่ละคน  ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง   หรือคนธรรมดา  ถ้าเราคิดเป็นแบบกลยุทธ์เราก็จะเห็นว่าใครใช้กลยุทธ์อย่างไรและเขา  ชนะเพราะเหตุใด   แต่ถ้าเราอ่านหรือศึกษาโดยไม่ได้คิดแบบเชิงกลยุทธ์   เราก็จะอ่านผ่าน ๆ  ไปและอาจคิดไปว่าคนชนะนั้น  เป็นไปเพราะเหตุผลต่าง    เช่น  เขาเก่ง  เขาฉลาด  เขาสวยหรือหล่อ  หรือแม้แต่เพราะเป็นเรื่อง บังเอิญ  หรือ  โชค

ถ้าเราฝึกฝนการคิดอย่างเป็นกลยุทธ์อยู่เสมอเราก็จะมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเป็นแบบเชิงกลยุทธ์   นั่นคือ  เรามักจะถามเสมอว่าอะไรหรือกลยุทธ์อะไรที่ทำให้คนหนึ่ง  ชนะอีกคนหนึ่ง  แพ้  บริษัทหนึ่งชนะและอีกบริษัทหนึ่งแพ้  องค์กรหนึ่งชนะและอีกองค์กรหนึ่งแพ้   ประเทศหนึ่งชนะและอีกประเทศหนึ่งแพ้  เราจะเห็นถึงความได้เปรียบและความเสียเปรียบของคู่แข่งหรือคู่ต่อสู้รวมทั้งรู้ว่าอะไรเป็นความได้เปรียบชั่วคราว  และอะไรเป็นความได้เปรียบ ถาวร  และนี่ก็คือสิ่งที่ วอเร็น  บัฟเฟตต์ เรียกว่า  Durable Competitive Advantage หรือความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน  ซึ่งเป็น  เสาหลัก  ในการลงทุนในหุ้นสุดยอดสไตล์บัฟเฟตต์
สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการคิดเชิงกลยุทธ์และวิชาการเกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันนั้น  ผมแนะนำว่าควรจะเริ่มจากการอ่านหนังสือกลยุทธ์ทางการตลาดซึ่งมีอยู่มากมาย  แต่คนที่ผมคิดว่าสามารถอธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายและสั้นก็คือ  อัลรีส (Al Ries)  ซึ่งเสียชีวิตแล้ว  และ  แจ๊คเทร้าท์ (Jack Trout) ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับการตลาด  การวางตำแหน่งของบริษัทในการแข่งขัน  และกลยุทธ์ต่าง     ที่ธุรกิจใช้ในการต่อสู้กัน   หลังจากเข้าใจเรื่องกลยุทธ์ในการแข่งขันทางการตลาดแล้ว  เราก็จะเข้าใจกลยุทธ์ในเรื่องอื่น ๆ  อีกมาก   และถ้าเราหมั่นฝึกฝนการคิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ   ถึงจุดหนึ่งเราก็จะเข้าใจ  เบื้องหลัง  ความสำเร็จและความล้มเหลวของแต่ละบริษัทหรือแต่ละคน   และนั่นจะนำไปสู่การเลือกหุ้นลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูง


1 สิงหาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น