วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

คำสาปของผู้ชนะ



ข่าวดี  ในแวดวงของนักเล่นหุ้นที่พบมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการที่บริษัท  ชนะ  อะไรบางอย่าง  เช่น  การประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานของรัฐเช่นกิจการโทรคมนาคม   การชนะประมูลก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่  และการชนะประมูลหรือแข่งขันซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น   เพราะทุกครั้งที่มี  ข่าวดีดังกล่าว  นักเล่นหุ้นต่างก็จะเข้าซื้อหุ้นไล่ราคาจนขึ้นไปสูง  คนคิดว่าการที่บริษัทชนะการประมูลจะทำให้ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ความเป็นจริงก็คือ   การชนะประมูลนั้น  ไม่ได้แปลว่าบริษัทจะต้องมีกำไรเพิ่มในอนาคต  การชนะการประมูลนั้นหมายความเพียงว่าบริษัทจะมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น  มีธุรกิจมากขึ้น  แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะต้องมีกำไรเพิ่มขึ้น  หรือบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องลงทุนเพิ่ม  อย่างไรก็ตาม  นักวิเคราะห์หุ้นของบริษัทโบรกเกอร์นั้นก็มักจะมีหลักคิดที่อิงอยู่กับความเชื่อที่มี  หลักการอ้างอิงและเป็น  ประโยชน์ต่อโบรกเกอร์เองในการกระตุ้นให้คนซื้อขายหุ้น  ดังนั้น  นักวิเคราะห์ส่วนมากก็จะคาดการณ์ผลประกอบการที่จะเพิ่มขึ้นอย่างคนมองโลกในแง่ดี  นั่นคือ  คาดว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นคุ้มค่าหรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น  ไม่มีใครบอกว่า  การ ชนะการประมูลหรือแข่งขันดังกล่าวเป็นสิ่งที่เลวร้ายและจะทำให้บริษัทขาดทุนหรือจะเป็น  หายนะ  ของบริษัทในอนาคต  เหนือสิ่งอื่นใด  การที่ หุ้นวิ่งขึ้นไปทันทีนั้น  จะให้อธิบายได้อย่างไรว่าบริษัทกำลังจะเผชิญกับ ภัยพิบัติ  จากการชนะประมูล?

แต่สำหรับผมเอง  การที่บริษัทชนะประมูลหรือชนะในการซื้อกิจการแข่งกับคนอื่นนั้น  ผมไม่ได้ถือว่ามันเป็นข่าวดีเสมอไป  ว่าที่จริงหลายครั้งผมคิดว่ามันเป็น ข่าวร้ายของบริษัท  เพราะ ราคาที่บริษัทเสนอที่จะจ่ายให้กับผู้ให้ใบอนุญาติหรือผู้จ้างหรือผู้ขายนั้น  แพงเกินไป  และถ้าเป็นอย่างนั้น  การ ชนะ  และทำให้รายได้ของบริษัทในอนาคตเพิ่มขึ้นก็ไม่เป็นประโยชน์   แต่กลับเป็นโทษเพราะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทลดลง  หรือในบางครั้งทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหายนะได้  ปรากฏการณ์ที่บริษัท ชนะ  แต่กลับ  พ่ายแพ้  และเสียหายในภายหลังเนื่องจากการ  จ่ายหรือ  ต้นทุนที่แพงเกินไปนี้เรียกกันว่า  “Winner’s Curse” หรือ  คำสาปของผู้ชนะ

ผู้ชนะต้อง  คำสาปได้อย่างไร?  สถานการณ์อย่างไรที่มักทำให้ผู้ชนะ ถูกสาป  ลองมาดูเหตุการณ์สมมุติว่ามีกิจการหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตและมีศักยภาพในการทำกำไรดีแต่การประเมินผลประกอบการในอนาคตก็ไม่แน่นอน  ได้ประกาศขายและเปิดให้คนมาประมูลซื้อ  ผู้เข้าประมูลมีจำนวนหลายราย  แต่ละคนก็ประเมินมูลค่าของกิจการเพื่อเสนอราคาซื้อ   และถึงแม้ว่าต่างก็ได้รับข้อมูลเท่า ๆ  กัน   แต่มุมมองและการวิเคราะห์ก็ต่างกัน  ดังนั้น  บางคนก็จะให้มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง  แต่บางคนและน่าจะเป็นส่วนมาก  ก็มองโลกในแง่ดีและให้มูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง  ในที่สุด  คนที่เสนอราคาสูงที่สุดก็ชนะและได้กิจการไปพร้อมกับ  คำสาป  นั่นก็คือ  เขาจะเสียหายและประสบกับภัยพิบัติในภายหลังเนื่องจากเขาจ่ายแพงเกินไป  ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาประเมินรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสูงเกินไปและ/หรือประมาณการต้นทุนต่ำเกินไป เป็นต้น

ลักษณะของ  ผู้ชนะที่จะ ถูกสาปนั้น   มักเกิดขึ้นกับกิจการที่เปิดขายหรือเปิดประมูลดังนี้คือ ข้อแรก  เป็นกิจการที่มีจำนวนจำกัดแต่มีคนต้องการมาก  ข้อสอง  กิจการมีความไม่แน่นอนในอนาคตสูงซึ่งทำให้การประเมินผลการดำเนินงานทำได้ยากและไม่แน่นอน  ข้อสาม  ถ้าการขายเป็นดีลที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและผู้ขายกับผู้ซื้อไม่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง  และสุดท้ายก็คือ  ความ อยากได้  ของผู้ซื้อหรือผู้เข้าประมูลมีมากเนื่องจากเหตุผลบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจล้วน ๆ มีสูงกว่าปกติ  ลักษณะทั้งหมดนี้มักจะทำให้ผู้ชนะก็คือ ผู้ที่จ่ายราคาสูงเกินความเป็นจริงไปมากเพราะเขาอาจจะประเมินราคาผิดพลาดเนื่องจากการมองโลกในแง่ดีหรือมีแรงจูงใจที่อยากจะชนะสูงที่สุด

ข้อสังเกตเพิ่มเติมของผมก็คือ  เนื่องจากการ ชนะประมูลหรือชนะในการซื้อกิจการนั้น  เป็น  ข่าวดี  ที่สำคัญของหุ้นในตลาด  ดังนั้น  หลายบริษัทโดยเฉพาะที่ผู้บริหาร  เล่น  หุ้นของตนเองด้วยจึงมักมีความโน้มเอียงที่จะเอาชนะในการประมูลหรือซื้อกิจการ  เพราะนั่นหมายความว่าหุ้นจะขึ้นและเขาอาจจะได้ประโยชน์ในระยะเวลาอันสั้น  และนั่นก็จะนำมาซึ่ง  คำสาปที่จะตามมา  ซึ่ง  Value Investor จะต้องเข้าใจ

ก่อนที่จะจบผมอยากจะย้ำให้เห็นถึงประสบการณ์  Winner’s Curse ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วมากมายในตลาดหุ้นไทยทั้งที่ย้อนหลังไปนับสิบ ๆ  ปีและที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ  นี้  ตัวอย่างที่ชัดเจนน่าจะเป็นเรื่องของกิจการโทรคมนาคมที่บางบริษัทได้ใบอนุญาตทำกิจการซึ่งในช่วงแรกถือเป็นข่าวดีและทำให้หุ้นมีราคาสูงขึ้นไปมากแต่ในระยะยาวแล้วกลับมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ขาดทุนจนราคาหุ้นตกต่ำลงไปมาก  แม้แต่ในเรื่องของการชนะประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของทางราชการเองนั้น  หลายครั้งก็ไม่ได้สร้างกำไรให้กับบริษัททั้ง ๆ  ที่ในช่วงประมูลได้นั้นหุ้นก็วิ่งตาม  ข่าวดี  เช่นกัน   ประสบการณ์ของการชนะในการซื้อกิจการก็คล้าย ๆ  กัน  ในวันที่บริษัทซื้อกิจการสำเร็จนั้น  หุ้นก็วิ่งแรง  แต่ภายหลังเมื่อบริหารกิจการนั้นกลับพบว่ากำไรไม่ได้มาตามที่คาด  ผลก็คือ  หุ้นก็หงอยลง  คนที่ซื้อหุ้นในช่วงที่มีข่าวดีและถือยาวในที่สุดก็ขาดทุนย่อยยับ  ดังนั้น  สำหรับผมเองที่เน้นการลงทุนระยะยาวแล้ว  การที่บริษัท  ชนะ  ในการประมูลหรือการซื้อกิจการนั้น  ผมจะต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งว่านั่นเป็นการชนะที่ดีหรือจะเป็นการชนะที่ ต้องคำสาป  หากว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างหลัง  ผมก็จะไม่ดีใจและอาจจะขายหุ้นโดยเฉพาะถ้าหุ้นขึ้นไปเพราะ  ข่าวดี  ที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น


11  ตุลาคม  2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น