วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Merry-Go-Round


          ถ้าถามเด็กเล็กว่าของเล่นอะไรในงานวัดเป็นสิ่งที่เขาชอบที่สุด   ผมเชื่อว่า  ม้าหมุน  น่าจะติดอยู่ในอันดับต้น ๆ   เพราะม้าหมุนนั้นมันทำให้เด็ก  หมุน  ไปอย่างรวดเร็ว  เขารู้สึกตื่นเต้น   สนุกสนาน   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรยากาศที่มี  เพื่อน  ร่วมวงเล่นกันอย่างมากมายบนม้าหมุนที่ประดิดประดอยตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอยู่ในเมืองในเทพนิยาย   นอกจากนั้น  ดนตรีที่บรรเลงอย่างไพเราะรื่นเริงในยามที่เด็ก ๆ  กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าที่หมุนไปนั้น   มันสร้างความสุขและความเคลิบเคลิ้มที่มักทำให้เขาจดจำไปช้านาน  ถ้าจะว่าไป  การนั่งม้าหมุน  โดยเฉพาะที่ใหญ่และหรูหรานั้น   มักทำให้คนนั่งรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝันที่มีความสุขเหลือล้น   และนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ฝรั่งเรียกของเล่นชิ้นนี้ว่า  Merry-Go-Round  หรือแปลแบบสนุก ๆ ว่า  ความสุขที่หมุนไปเป็นรอบ ๆ

ผมพูดถึงม้าหมุนเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศในตลาดหุ้นไทยเวลานี้เหมือน  ม้าหมุนที่คนเล่นหุ้นต่างก็ขึ้นไป  นั่ง  เล่นกันอย่างสนุกสนาน   มีความสุขเหลือล้น  คล้าย ๆ  อยู่ในความฝัน   กำไรหรือเงินนั้นหามาได้ง่าย ๆ   พวกเขาโหมซื้อหุ้นตัวหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งที่มาถึง  รอบ  ของมัน  ถือไว้ไม่กี่วันหรือบางทีไม่ถึงวัน   ราคามันขึ้นไปอย่างแรง   ขายมันทิ้ง   แล้วก็มองหาหุ้นตัวใหม่ในกลุ่มใหม่ที่กำลังจะมาถึงรอบ ของมัน   ไม่มีใครรู้ว่าม้าหมุนจะหยุดเมื่อไร   แต่ตราบใดที่มันยังหมุนอยู่  ทุกคนก็ยัง  ตักตวงความสุข  กันอย่างเต็มที่   เหนือสิ่งอื่นใด  พวกเขาคิดว่าม้าหมุนเครื่องนี้ก็เพิ่งเปิดให้เข้ามาเล่นได้ไม่นาน  มันคงไม่หยุดกันง่าย ๆ

เริ่มตั้งแต่ตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่เริ่มแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้หยุดถดถอยลงแล้วและราคาน้ำมันและพลังงานเริ่มปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด   กลุ่มพลังงานซึ่งนำโดยหุ้น ปตท.  และ ปตท. สผ. ก็เริ่มปรับตัวขึ้น  นักลงทุนโดยเฉพาะรายใหญ่ที่เป็นนักลงทุนสถาบันมองว่า  ถ้าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว  ในไม่ช้าก็น่าจะฟื้นตัว   และเมื่อนั้นหุ้นก็จะกลับมา   ในอีกด้านหนึ่ง  การที่ราคาพลังงานปรับตัวขึ้นก็ทำให้บริษัทในกลุ่มนี้มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด   ดังนั้น  เขาจึงกระโดด  ขึ้นม้า  หรือซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น

รอบต่อมาหรือใกล้เคียงกับกลุ่มพลังงานก็คือกลุ่มสถาบันการเงินที่นำโดยธนาคารพาณิชย์   นี่คือกลุ่มที่คนคิดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว   เพราะถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว   ความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น   แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ  หนี้เสียจะหยุดเพิ่มและบางทีลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้จะกลับมาชำระหนี้ได้ซึ่งทำให้ต้นทุนของธนาคารลดลง  ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น  ดังนั้น  นักลงทุน  โดยเฉพาะที่เป็นสถาบันการลงทุนทั้งในและต่างประเทศจึงเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งนอกจากจะมี  “Story” หรือเหตุผลการลงทุนที่ดีแล้ว   ยังเป็นกลุ่มของหุ้นที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูงซื้อง่ายขายคล่องด้วย  ทำให้หุ้นกลุ่มนี้วิ่งกันถ้วนหน้า

หุ้นกลุ่มต่อมาที่น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  หรือแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวมากนักแต่เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังจะ อัด  ลงไปในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ  ที่ต้องใช้วัสดุก่อสร้างจำนวนมากก็คือ   กลุ่มผู้รับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง  ดังนั้น  หุ้นของกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างที่เคยตกต่ำมากเนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจจึงน่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น   นี่คือ  Story ที่ทำให้นักลงทุนกลับมาเก็บหุ้นในกลุ่มนี้และทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาก

อสังหาริมทรัพย์ที่คนกลัวกันมากว่าจะถูกกระทบมากที่สุดจากวิกฤติเศรษฐกิจนั้น  เมื่อคนเริ่มตระหนักว่าเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายเกินไปและกำลังฟื้นตัว  ประกอบกับการที่เห็นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในกลุ่มนั้นกลับดีขึ้นเนื่องจากการที่บริษัทเล็กต้องออกจากตลาดทำให้บริษัทขนาดใหญ่สามารถขายบ้านได้มากขึ้น   ทำให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์หลังจากเห็นงบการเงินล่าสุดที่ดีผิดคาด   ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มบ้านจัดสรรปรับตัวขึ้นอย่างน่าประทับใจ

เมื่อเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ  ราคาปิโตรเคมีที่เคยตกต่ำอย่างหนักก็เริ่มปรับตัวขึ้น  นี่ทำให้หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่อิงอยู่กับราคาปิโตรเคมีรวมถึงค่าการกลั่นน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด  และนี่ยังไม่ได้รวมถึงการที่บริษัทปิโตรเคมีในกลุ่มของ ปตท. ที่มีข่าวว่าจะรวมกันซึ่งทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นรับกับ  ข่าวดี  ที่อาจจะยังไม่มีความชัดเจนนี้ด้วย

เมื่อเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้วแม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง  หุ้นในกลุ่มที่  Sensitive หรือค่อนข้างจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมาก ๆ อย่าง  รถยนต์  และ อิเลคโทรนิค  ก็เริ่มกลับมา  เช่นเดียวกัน  หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเดินทางที่มักจะถูกกระทบแรงมากในยามวิกฤติ  ในขณะนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณว่าคนท่องเที่ยวเดินทางเริ่ม  จองตั๋ว  กลับมามากขึ้นเรื่อย ๆ   ดังนั้น  หุ้นก็วิ่งขึ้นอย่างแรงเช่นเดียวกัน

หุ้นในกลุ่มผู้บริโภคซึ่งรวมถึงกลุ่มพาณิชย์และกลุ่มสื่อสารนั้น  ค่าที่ว่าในช่วงวิกฤติไม่ค่อยได้ตกลงมามากนัก   การปรับตัวขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นจึงไม่แรงเหมือนหุ้นในกลุ่มอื่นที่กล่าวถึง   และการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้นในกลุ่มเมื่อเร็ว ๆ  นี้  ก็มักเป็นเรื่องเฉพาะตัวหรือเฉพาะกลุ่ม  ตัวอย่างเช่นการที่ทาง กทช. จะเปิดให้มีการประมูลคลื่นระบบ  3G ของบริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

กล่าวโดยสรุปก็คือ  ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้นหลังจากวิกฤติ  หุ้นในกลุ่มต่าง ๆ  ก็มักจะปรับตัวขึ้น  โดยพฤติกรรมก็คือ  มีการปรับตัวโดดเด่นกันทีละกลุ่มโดยมี  Story มาหนุน  Story นั้น   บางทีก็จริง  บางทีก็เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเหตุผลที่เพียงพอ  แต่ในยามนี้  ถ้าคนเชื่อ  โดยที่อาจจะมีราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็น  คำยืนยัน    หุ้นก็ขึ้นไปได้   ในสถานการณ์แบบนี้  พื้นฐานอาจจะมีความหมายน้อยกว่าภาวะตลาดและภาวะหุ้นในกลุ่ม  ดังนั้น  การลงทุนที่จะได้กำไรมากและเร็วในเวลานี้อาจจะไม่ใช่การซื้อหุ้นที่เน้นแต่  Value อย่างเดียว  อย่างไรก็ตาม  Value Investor จะต้องระวังว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปได้เสมอ  ถ้าจะให้ปลอดภัย  เราควรจะหาหุ้นที่ถ้าเกิดสถานการณ์เปลี่ยน  หุ้นของเรายังมี  Margin of Safety เหลือพอ

สุดท้ายจงจำไว้ว่า  เวลาที่  ม้าหมุนหยุดนั้น  มักจะเป็นเวลาที่คนกำลังรื่นเริงสุดขีด  กติกา  ก็คือ  เวลาที่มันหยุด  คนที่ยังอยู่จะต้อง  จ่ายตัง   ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการเล่น  ม้าหมุน  ครับ


12  กันยายน  2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น