วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เดินสุ่มในวอลสตรีท


           ถ้าจะหาหนังสือการลงทุน 10 เล่มที่เราควรอ่านก่อนที่เราจะลงทุนอย่างจริงจังหรือก่อนที่เราจะเป็นเซียนได้นั้น  นี่คือหนังสือที่ผมคิดว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง  และมันอยู่ในระนาบเดียวกับหนังสือคลาสสิคอื่น ๆ  เช่น  The Intelligent Investor และ Common Stocks and Uncommon Profits  สิ่งที่แปลกออกไปก็คือ  นี่ไม่ใช่หนังสือที่บอกวิธีการเลือกหุ้นที่จะทำให้เรารวยหรือได้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติ  ตรงกันข้าม  มันพยายามจะบอกเราว่า  วิธีการเลือกหุ้นที่จะทำให้เราชนะได้อย่างต่อเนื่องยาวนานนั้น  ไม่มี   มันช่วยเตือนให้เราตระหนักว่า  การลงทุนที่จะให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์นั้นทำไม่ได้หรือทำได้ยากมาก  ที่ยิ่งทำให้เรา  หมดหวัง  ไปกว่านั้นก็คือ  ข้อเขียนและเนื้อหาต่าง ๆ  ที่กล่าวไว้ในหนังสือนั้น  อิงอยู่กับการศึกษาของนักวิชาการชั้นนำระดับโลกทั้งสิ้น   และนี่คือหนังสือชื่อ  The Random Walk Down Wall Street  แปลเป็นไทยก็คือ  เดินสุ่มในวอลสตรีท  เขียนโดย Burton G. Malkiel ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1973  หรือกว่า 35 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีการปรับปรุงและพิมพ์ขายใหม่มาตลอด

            เนื้อหาหลักของ  “Random Walk” นั้นพูดถึงทฤษฎีการลงทุนว่ามีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ  คือ  กลุ่มแรกที่เชื่อว่าราคาหุ้นนั้นเป็นเรื่องของจิตวิทยาของนักลงทุนเป็นหลัก  โดยที่พื้นฐานของกิจการนั้นมีผลเพียงแค่ 10-20%  กลุ่มนี้  ถูกเรียกว่ากลุ่ม  วิมานในอากาศหรือ  Castle-in-the Air Theory  อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่เชื่อว่าราคาหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานของกิจการเป็นหลักในขณะที่จิตวิทยานั้น  ถ้าจะมีผลก็ไม่เกิน 10-20% เช่นกัน  เรียกกลุ่มนี้ว่ากลุ่ม  พื้นฐานของกิจการ  หรือ  Firm-Foundation Theory  โดยกลุ่มแรกนั้น  คนที่เชื่อก็จะใช้เครื่องมือที่จะสามารถ  จับกระแสหรือจิตวิทยาของนักลงทุนเพื่อที่จะนำมาใช้ในการซื้อหรือขายหุ้นที่จะทำให้ได้กำไร  เครื่องมือหลักอย่างหนึ่งก็คือ  เส้นกราฟของราคาหุ้นแต่ละตัวและดัชนีตลาดรวมถึงปริมาณการซื้อขายของหุ้นด้วย   ส่วนการวิเคราะห์ที่ใช้ก็คือ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค 




            กลุ่มที่สองนั้น  คนที่เชื่อก็จะใช้  ข้อมูลพื้นฐานของกิจการ  เช่น  ยอดขาย  กำไร  การเติบโตของเงินปันผลและฐานะทางการเงินของกิจการ  มาพิจารณาและคำนวณหา  มูลค่าที่แท้จริง  หรือที่เรียกว่า  Intrinsic Value ของหุ้น  เพื่อที่จะพิจารณาว่าราคาหุ้นในตลาดนั้นสูงหรือต่ำกว่า  ถ้าราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง  เขาก็ซื้อ  เพราะเขาเชื่อว่าในที่สุดราคาตลาดจะต้องวิ่งไปหาราคาที่แท้จริงเสมอ   และคนที่เชื่อในทฤษฎีนี้ก็คือพวกนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งหลาย  ซึ่งแน่นอน  รวมถึง  Value Investor ด้วย

            แต่ Malkiel บอกว่าราคาหุ้น  โดยเฉพาะในช่วงสั้น ๆ  นั้น  คาดไม่ได้  และ ไม่มีแบบแผน  มันเหมือนกับคนเมาที่  เดินสุ่ม  นั่นคือ  เขาจะเดินมาอย่างไรก็ตาม  แต่ก้าวต่อไปของเขานั้นไม่รู้ว่าจะไปซ้ายหรือขวา  หน้าหรือหลัง  ไม่มีใครรู้  ดังนั้น  ไม่ว่าคุณจะใช้เท็คนิคอะไรก็ไม่ได้ผล   ในบางครั้งบางคราวก็ดูเหมือนว่ามีเท็คนิคบางอย่างสามารถนำมาใช้ทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นได้  แต่ผ่านไปสักพักเมื่อมีคนรู้นำมาใช้มากขึ้น  เท็คนิคนั้นก็ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป 

            พื้นฐานหลักที่ทำให้เราไม่สามารถเอาชนะตลาดหรือทำกำไรได้มากกว่าปกติไม่ว่าจะใช้เท็คนิคอะไรนั้น  Malkiel บอกว่าเป็นเพราะตลาดหุ้นนั้น   มีประสิทธิภาพ  ในการที่จะปรับราคาหุ้นให้สะท้อนถึงพื้นฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจการหรือหุ้นได้รวดเร็วมาก  และโดยเฉลี่ยแล้วราคาหุ้นก็ปรับตัวได้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น   นั่นหมายความว่า  บางครั้งราคาหุ้นก็  ผิด  ไปจากที่ควรจะเป็นเหมือนกัน  เช่น  ราคาอาจจะสูงเกินไป  หรือบางช่วงราคาก็อาจจะต่ำเกินไป   แต่ในไม่ช้ามันก็สามารถปรับให้ราคาเข้ามาใกล้เคียงกับที่มันควรเป็น  พูดง่าย ๆ  ตลาดหุ้นคอยปรับให้ราคาหุ้นมีราคาโดยเฉลี่ยแล้วเหมาะสมอยู่เสมอ  อย่าพยายามหา  ราคาที่เหมาะสมในทางทฤษฎีหรือทางจิตวิทยาเลย

            ด้วยแนวความคิดและความเชื่อในเรื่องของความมีประสิทธิภาพของตลาดและเรื่องการ เดินสุ่ม  ของราคาหุ้นดังกล่าว  Malkiel จึงคิดว่าเราไม่ควรเลือกซื้อขายหุ้นเอง   เพราะทำไปก็ไม่มีประโยชน์และต้องเสียค่าคอมมิชชั่นสูง  แต่หุ้นนั้น โดยเฉลี่ยในระยะยาวแล้วให้ผลตอบแทนที่ดี   ดังนั้นเขาได้เสนอกลยุทธ์ในการลงทุนต่าง    ที่นักลงทุนควรทำ  เช่น  การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงดัชนีตลาด  ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการลงทุนลง  และการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐมอบให้  อย่างกรณีของไทยก็คงคล้ายกับการลงทุนในกองทุน  RMF และ  LTF  เป็นต้น

          นอกจากทฤษฎีการลงทุนและแนวความคิดหลักของหนังสือแล้ว   สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าโดยเฉพาะสำหรับ  Value Investor ก็คือ  มันเป็นหนังสือที่  เล่าประวัติศาสตร์  การลงทุนย้อนหลังไปยาวนานมากได้อย่างยอดเยี่ยม   ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของบุคคล   แต่เป็นประวัติศาสตร์ของตลาดและแนวความคิดการลงทุนเป็นยุค ๆ  ที่ค่อนข้างสมบูรณ์และทุกอย่างมีวิชาการประกอบ  แต่ขณะเดียวกันเป็นหนังสือที่อ่านได้ไม่ยากสำหรับบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เรียนมาทางสายการเงินโดยตรง   สำหรับผมแล้ว  มันเป็นหนังสือคลาสสิคที่อ่านแล้ว  ไม่หลับง่าย  เหมือนหนังสือคลาสสิคหลาย ๆ  เล่ม  

            นักลงทุนโดยเฉพาะ   Value Investor ที่ประสบความสำเร็จสูงหลายราย  อาจจะมี  อคติ  กับแนวความคิดที่ว่า  ไม่มีใครสามารถสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าปกติได้  ในหนังสือเล่มนี้และพลอยทำให้ไม่อยากอ่าน   เพราะเขาอาจคิดว่าตัวเองสามารถทำกำไรมหาศาลได้ด้วยการวิเคราะห์และลงทุนแบบ  Value Investment   ดังนั้น  หนังสือเล่มนี้คงจะ  ผิด  และเป็นเรื่องของนักวิชาการบนหอคอยงาช้างที่ไม่เข้าใจโลกที่เป็นจริง   ข้อนี้ผมคิดว่าต้องคิดใหม่  อย่าลืมว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้  นอกจากเป็นนักวิชาการแล้ว  เขายังเป็นผู้บริหารระดับสูงมากในธุรกิจการเงินและการลงทุนด้วย  เหนือสิ่งอื่นใด  VI ที่ดีนั้น  ต้องเปิดกว้างรับความเห็นที่เป็นประโยชน์   รวมทั้งจากคนที่  มองต่าง  ด้วย


22  สิงหาคม  2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น