วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Apple VS Exxon

สัปดาห์ก่อนมีข่าวเล็ก ๆ  เกี่ยวกับหุ้นที่น่าสนใจและน่าจะเรียกได้ว่าเป็นหุ้น สุดยอดแห่งทศวรรษของโลก  นั่นก็คือ  หุ้นของบริษัท  Apple Inc.  ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยี่ห้อแม็ค  ไอโฟน  ไอแพด และอื่น ๆ  ที่ครองใจผู้ใช้ทั้งโลก  สินค้าหลายชนิดของบริษัทนั้นเป็นที่นิยมขนาดที่คนต้อง เข้าคิวซื้อ  และคนที่ได้ครอบครองสินค้าในมือนั้นมีความรู้สึกภาคภูมิใจและอยากจะอวดกับเพื่อนฝูง  มันเป็นสินค้าที่ทำให้คนดูทันสมัยและ มีระดับ  ในสังคม  ข่าวที่ว่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แต่เป็นข่าวที่ว่าหุ้นของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐนั้นมีราคาปรับตัวขึ้นจนทำให้มันมีมูลค่าสูงที่สุดและเอาชนะหุ้นของบริษัท Exxon Mobil หรือที่คนไทยรู้จักกันก็คือเอสโซ่  บริษัทน้ำมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐและในโลกมาช้านาน ลองมาดูกันว่าบริษัทแอปเปิลมีผลประกอบการดีอย่างไรและทำไมหุ้นจึงเติบโตมาได้ขนาดนี้เทียบกับบริษัทเอสโซที่ทำธุรกิจน้ำมันและพลังงานที่ก็น่าจะโดดเด่นสุดยอดเหมือนกัน  เพราะเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจที่โลกกำลังมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อย ๆ  และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดในชีวิตของมนุษย์ยุคปัจจุบัน

พูดถึงมูลค่าหุ้นในตลาดของแอปเปิลและเอ็กซอนนั้น  ขณะนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 350 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่า ๆ  กันหรือคิดเป็นเงินไทยก็คือ ประมาณ 10 ล้าน ล้านบาท  หรือพอ ๆ  กับผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยทั้งปี  และใหญ่กว่ามูลค่ารวมของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่อยู่ที่ประมาณ 8.7 ล้านล้านบาท  พูดอีกทางหนึ่งก็คือหุ้นแอปเปิลตัวเดียวนั้นก็ใหญ่กว่าหุ้นไทยทั้งตลาดแล้ว

ดูทางด้าน ทรัพย์สินว่าบริษัทมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ปรากฏว่าแอปเปิลมีทรัพย์สินเพียงประมาณ  100 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยก็คือ ประมาณ  3 ล้าน ๆ  บาท  แต่เนื่องจากทรัพย์สินประมาณ  8 แสนล้านบาทนั้นเป็นเงินสดที่บริษัทเก็บไว้ไม่ได้จ่ายปันผลออกมานานดังนั้น  เอาเข้าจริง ๆ  แล้ว  ทรัพย์สินที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินงานของบริษัทนั้นน่าจะมีเพียงประมาณ 2.2 ล้าน ล้านบาทเท่านั้น  ส่วนของเอ็กซอนนั้น  มีทรัพย์สินถึงประมาณ 300 พันล้านเหรียญหรือใหญ่เป็น 3 เท่าของแอปเปิล  หรือคิดเป็นเงินไทยก็คือ  9 ล้าน ล้านบาท  เอ็กซอนมีเงินสดอยู่ประมาณ 3 แสนล้านบาทแต่มีหนี้อยู่ประมาณ 5 แสนล้านบาท  ในขณะที่แอปเปิลนั้นไม่มีหนี้เลย  ดังนั้น  ถ้าจะพูดอย่างคร่าว ๆ  ก็คือ  เอ็กซอนนั้นใช้ทรัพย์สินเพื่อดำเนินงานประมาณ 4 เท่า ของแอปเปิล 
มองทางด้านรายได้  แอปเปิลมียอดขายต่อปีประมาณ  100 พันล้านเหรียญต่อปี หรือเท่ากับ 3 ล้าน ล้านบาท ในขณะที่เอ็กซอนมียอดขายสูงกว่ามากคือประมาณ 400 พันล้านหรือคิดเป็น 4 เท่าของแอปเปิล หรือคิดเป็นเงินไทยถึง 12 ล้าน ล้านบาท  มากกว่าผลผลิตมวลรวมประชาชาติของไทย  พูดง่าย ๆ  บริษัทเอ็กซอนบริษัทเดียวขายน้ำมันทั้งปีมีมูลค่าสูงกว่าสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศผลิตในเวลาเดียวกัน

ถ้ามองจากทรัพย์สินและยอดขายก็จะเห็นว่าบริษัทเอ็กซอนนั้นนั้นมีทรัพย์สินมากกว่าแอปเปิล 4 เท่าและมีรายได้หรือยอดขายต่อปีมากกว่าแอปเปิล 4 เท่าเหมือนกัน  ดังนั้น  เราอาจจะพูดได้ว่าถ้าเปรียบเทียบโดยขนาดของบริษัทแล้ว  แอปเปิลนั้นเล็กกว่าเอ็กซอนถึง 3 เท่าหรือ แอปเปิลนั้นมีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของเอ็กซอนเท่านั้น  แต่มูลค่าตลาดของหุ้นของทั้งสองบริษัทกลับใหญ่เท่า ๆ  กัน  อะไรทำให้มันเป็นอย่างนั้น  หุ้นของแอปเปิลมีราคา เวอร์  เกินความเป็นจริงหรือเปล่า?

ผลการดำเนินงานหรือกำไรของแอปเปิลในปีที่ผ่านมาเท่ากับ 23.6 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 7 แสนล้านบาท  ในขณะที่ของเอ็กซอนเท่ากับ 37.9 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 1.1 ล้าน ล้านบาท คิดแล้วมากกว่าประมาณ 60%  อย่างไรก็ตาม  ความสามารถในการทำกำไรของแอปเปิลดูเหมือนจะสูงกว่าของเอ็กซอนมาก  เพราะอัตราส่วนกำไรต่อยอดขายของแอปเปิลเท่ากับประมาณ 24%  ในขณะที่ของเอ็กซอน เท่ากับประมาณ 10% เท่านั้น  พูดง่าย ๆ  การขายสินค้าไฮเท็คที่สุดทันสมัยของแอปเปิลแต่ละเครื่องนั้น  กำไรดีกว่าการขายน้ำมันทุกบาร์เรลที่เหมือน ๆ  กันทุกบริษัท

กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นซึ่งถือว่าเป็นกำไรที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับนั้น  ของแอปเปิลสูงมากถึง 42%  และถ้าหากไม่นับเงินสดที่แอปเปิลมีมากเกินความจำเป็นแล้ว  กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของแอปเปิลจริง ๆ  อาจจะสูงถึง  50-60% ทีเดียว  ในขณะที่ของเอ็กซอนนั้นอยู่ที่  25%  ซึ่งถ้าจะพูดไปก็สูงมากอยู่แล้ว  ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่ากิจการของเอ็กซอนนั้นทำกำไรได้ดีมากและของแอปเปิลนั้นน่าจะ  ดีสุดยอดในแง่ของการทำกำไร

ในด้านของการเติบโตของกำไรนั้น  การเพิ่มขึ้นของกำไรไตรมาศนี้เมื่อเปรียบเทียบกับของปีที่แล้วก็พบว่าแอปเปิลโตขึ้นถึง 125%  ในขณะที่เอ็กซอนโตขึ้นถึง 41% เช่นกัน  เป็นการแสดงให้เห็นว่าหุ้นสองตัวนี้ต่างก็เป็น  ดาราทั้งคู่  เพียงแต่แอปเปิลนั้นเป็น ซุปเปอร์สตาร์  ที่มาแรงจริง ๆ 
มาดูทางด้านของความถูกความแพงของหุ้นกันบ้าง  แอปเปิลนั้นมีค่า PE เท่ากับ 14.8 เท่า และค่า PB เท่ากับ 4.9 เท่า  หรือถ้าเราหักเงินสดที่มากเกินออกไปซึ่งจะทำให้มูลค่าทางบัญชีหรือค่า B ลดลง  ค่า PB ก็น่าจะอยู่ในหลักประมาณ 8 เท่า ในส่วนของเอ็กซอนนั้น  ค่า PE เท่ากับ 9.5 เท่า  ในขณะที่ค่า PB  เท่ากับ  2.2 เท่า  ดูไปแล้วราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทก็ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐและแม้แต่หุ้นไทย  ว่าที่จริงอาจจะเข้าข่ายเป็นหุ้น Value หรือหุ้นเน้นคุณค่าด้วยซ้ำ  เหนือสิ่งอื่นใด  แอปเปิลนั้นน่าจะเป็น  ราชันของหุ้นไฮเท็ค  ส่วน เอ็กซอนนั้นก็น่าจะเป็นราชันของหุ้นพลังงาน  ซึ่งทั้งสองอุตสาหกรรมต่างก็กำลังร้อนแรงและเติบโตกันทั้งคู่  แต่เหตุที่หุ้นมีราคาถูกนั้นอาจจะเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นของอเมริกาตกต่ำก็เป็นได้  และนี่ก็อาจจะเป็นช่วงเวลา ซื้อสำหรับคนที่ชอบหุ้นประเภทซุปเปอร์สต็อก

สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือเรื่องของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผ่านมาในระยะยาว  ผมมองย้อนหลังไปประมาณ 8 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นแอปเปิลยังไม่ได้ไปไหนนิ่ง ๆ  มานานนับสิบปีและเป็นช่วงที่ สตีป จอบส์ ซีอีโอ คนปัจจุบันเริ่มกลับเข้ามาบริหารบริษัทใหม่หลังจากที่ถูกไล่ออกไปหลายปี  ในขณะนั้นหุ้น แอปเปิลมีราคาประมาณ 7 ดอลลาร์  ในเวลาเดียวกัน หุ้นเอ็กซอนมีราคาประมาณ 34 เหรียญ  นั่นคือช่วงกลางปี 2003  พอถึงกลางปี 2008 หุ้นแอปเปิลขึ้นไปถึง 187 ในขณะที่เอ็กซอนขึ้นไปเป็น 95 เหรียญ ในเวลา 5 ปี แอปเปิลขึ้นไป 25.7 เท่าและหุ้นเอ็กซอนขึ้นไปเพียง 1.79 เท่า  ในช่วงวิกฤติปลายปี 2008 หุ้นแอปเปิลตกลงมาเหลือ 80 เหรียญต้น ๆ  หรือลดลงถึง 56%  ส่วนหุ้นเอ็กซอนตกลงมาเหลือประมาณ 62 เหรียญหรือลดลง 35%  แต่หลังจากนั้น  จนถึงปัจจุบันหุ้นแอปเปิลก็ปรับตัวขึ้นมาเป็นประมาณ 374 เหรียญหรือขึ้นมา 3.5 เท่า  ในขณะที่เอ็กซอนขึ้นมาเป็น 72 เหรียญ หรือเพิ่มขึ้นเพียง 16% และยังต่ำกว่าช่วงก่อนวิกฤติ  โดยสรุปแล้วในช่วงประมาณ 8 ปี หุ้นแอปเปิลขึ้นมาประมาณ 52 เท่า ในขณะที่เอ็กซอนขึ้นมาประมาณ 1.1 เท่า

ข้อสรุปรวบยอดของผมก็คือ  ในช่วงเวลา 8 ปี  หุ้นแอปเปิลซึ่งเคยเป็นหุ้นที่ค่อนข้างเล็กมีมูลค่าตลาดประมาณ 2 แสนล้านบาท  ได้เติบโตมหาศาลกลายเป็นหุ้น 10 ล้านล้านบาท  เท่ากับหุ้นเอ็กซอนซึ่งเป็นหุ้นยักษ์ใหญ่ระดับต้นของโลก  หุ้นเอ็กซอนเองนั้นเมื่อ 8 ปีก่อนก็น่าจะเป็นหุ้นระดับต้นของโลกที่มีมูลค่าถึง เกือบ 5 ล้านล้านบาท  คนที่ลงทุนในหุ้นเอ็กซอนในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานั้นก็ได้ผลตอบแทนที่ไม่เลวเฉลี่ยประมาณปีละ 10%  แต่ถ้าใครลงทุนและถือหุ้นแอปเปิลผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤติเศรษฐกิจมาถึงวันนี้ก็อาจจะกลายเป็นเศรษฐีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย  และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างหุ้นบลูชิพอย่างเอ็กซอน  กับหุ้นซุปเปอร์สต็อกอย่างหุ้นแอปเปิล         
     
19  สิงหาคม  2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น