วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Blitzkrieg



น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเวลานี้ทำให้ผมนึกไปถึงสงครามโลกครั้งที่สอง  เปรียบเทียบประเทศไทยก็คล้าย ๆ  กับฝรั่งเศสหรืออังกฤษขึ้นอยู่กับว่าผลของน้ำท่วมสุดท้ายจะเป็นอย่างไร   ส่วนน้ำนั้นก็คือเยอรมัน   สงครามโลกครั้งที่สองนั้นเป็นมหาสงครามระหว่างฝรั่งเศส อังกฤษและพันธมิตรอื่น ๆ  กับเยอรมัน  ส่วนน้ำท่วมใหญ่นั้นเป็น มหาสงครามระหว่างประเทศไทยกับมวลน้ำมหาศาลที่กำลังบุกเข้าโจมตีกรุงเทพ

สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มจริง ๆ  ในเดือนกันยายน ปี 1939   เมื่อฮิตเลอร์บุกโปแลนด์ซึ่งทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสต้องประกาศสงครามกับเยอรมัน  แต่ในความเป็นจริงการรบระหว่างสองค่ายยังไม่เกิดขึ้น  คนในอังกฤษและฝรั่งเศสก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป  ยังคงใช้ชีวิตและฉลองคริสต์มาศกันตามปกติ  ช่วงเวลาหลายเดือนต่อจากนั้นจึงถูกเรียกกันว่า  Phony War หรือ  สงครามเก๊  แต่ในทางตรงกันข้าม  เยอรมันนั้นกำลังเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์และฝึกซ้อมทหารอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมบุกยึดประเทศศัตรู  ถ้าเปรียบไปก็คงเหมือนช่วงประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ที่น้ำเริ่มท่วมในชนบทของไทยหลายแห่งแต่ก็ไม่ใคร่มีใครคิดว่ามันจะกลายเป็นการท่วมที่ใหญ่โตอะไรนัก   ในเวลาเดียวกัน  น้ำฝนก็เริ่มตกลงมาและสะสมพลังน้ำไว้มหาศาลโดยที่ไม่มีใครตระหนัก  และเขื่อนต่าง ๆ  ยังกักเก็บน้ำตามปกติ  มหาสงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะเริ่มแล้ว..  เช่นเดียวกับ มหาสงครามน้ำในประเทศไทย

ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 1940 เยอรมันก็เริ่มสงครามเปิดศึก  “Blitzkrieg” หรือการรุกแบบ สายฟ้าแลบ  เข้ายึดประเทศต่าง ๆ  เช่นเดนมาร์ก  นอร์เวย์  เบลเยี่ยม  ประเทศยุโรปที่อยู่ทางใต้หลายประเทศ  และยึดฝรั่งเศสได้ในวันที่ 22 มิถุนายน 1940  ใช้เวลาเพียงประมาณ 2-3 เดือน  จากนั้นก็เตรียมบุกอังกฤษซึ่งมี ป้อมปราการที่เป็นช่องแคบอังกฤษขวางอยู่

Blitzkrieg นั้น  เป็นกลยุทธ์การรบที่เยอรมันใช้หน่วยรถถังแพนเซอร์ที่เคลื่อนที่เร็วและทรงพลานุภาพพร้อม ๆ  กับกองกำลังทหารจำนวนมหาศาลบุกเข้าโจมตีแนวป้องกันต่าง ๆ  ของฝ่ายตรงข้ามจุดแล้วจุดเล่า  ทุกแห่งนั้นไม่สามารถป้องกันได้และ แตกอย่างรวดเร็ว  ในกรณีของฝรั่งเศสนั้น  แนวป้องกันมายิโนต์  ซึ่งฝรั่งเศสสร้างเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากและคิดว่า ไม่มีใครสามารถผ่านไปได้  ก็ถูก  อ้อม  และผ่านไปในที่สุด  ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถต้านทานกองทัพเยอรมันได้

ประมาณ เดือนสิงหาคม 2554 น้ำก็เริ่ม บุกจังหวัดต่าง ๆ  ทางภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่เชียงใหม่  และต่อมาที่นครสวรรค์  อยุธยา ปทุมธานี  ทุกเมืองต่างก็สร้าง เขื่อนป้องกันและ ต่อสู้กับน้ำในทุกรูปแบบแต่ก็ล้มเหลว  เช่นเดียวกัน  นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเทียบได้กับโรงงานผลิตอาวุธหรือแหล่งแร่หรือพลังงานที่จำเป็นในสงครามที่เราพยายามป้องกันอย่างเต็มที่นั้น   ต่างก็  แตก  อย่างง่ายดายทุกที่ที่น้ำผ่าน  แห่งแล้ว แห่งเล่า   มวลน้ำมหาศาลที่ไหลบ่ามานั้นก็คงเหมือนรถถังแพนเซอร์และกองกำลังของเยอรมันที่มีประสิทธิภาพสูงจนไม่มีใครสามารถทานได้   ในเวลาเพียง 2-3 เดือนน้ำก็มาจ่ออยู่ที่กรุงเทพซึ่งได้สร้าง ป้อมปราการเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งและหวังว่าจะ ไม่มีมวลน้ำที่จะสามารผ่านไปได้

ขณะที่เขียนบทความนี้  ผมเองก็ยังไม่ทราบว่ากรุงเทพโดยเฉพาะในเขตชั้นใน  จะรอดพ้นจากภาวะน้ำท่วมรุนแรงได้หรือไม่  ถ้าไม่สำเร็จ  กรุงเทพก็คงจะเปรียบเหมือนฝรั่งเศส  ที่ถูกยึดครองอย่างรวดเร็วเมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลมาถึง  แต่ถ้ากรุงเทพรอดพ้นจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไปได้ก็คงจะเหมือนกับอังกฤษ  ที่รอดพ้นจากการยึดครองของเยอรมันเนื่องจากมีช่องแคบอังกฤษขวางอยู่  แต่สิ่งที่ทำให้อังกฤษรอดไปได้นั้นอยู่ที่กองทัพเรือและกองทัพอากาศที่มีประสิทธิภาพในการที่จะยับยั้งฝ่ายเยอรมันไม่ให้รุกข้ามช่องแคบมาได้  เหนือสิ่งอื่นใด  กำลังใจที่เข้มแข็งและความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ของชาวอังกฤษที่พร้อมจะต่อสู้และปกป้องประเทศจากข้าศึกเป็นปัจจัยชี้ขาดทำให้อังกฤษสามารถปกป้องประเทศไว้ได้  และในที่สุดก็เอาชนะฝ่ายเยอรมันได้สำเร็จ

ความพ่ายแพ้ของเยอรมันนั้น  ถ้ามองกันในภาพใหญ่จริง ๆ  แล้วก็คือ  เยอรมันมีทรัพยากรหรือกำลังไม่พอที่จะทำสงครามยืดเยื้อยาวนานได้  เช่นเดียวกัน  น้ำนั้นก็มีพลังเพียงเท่าที่มันยังอยู่ในที่สูงและอยู่บนพื้นดิน   ซึ่งในไม่ช้าน้ำทั้งหมดก็จะต้องไหลลงทะเลเป็นส่วนใหญ่และก็จะหมดพลังไปในที่สุด  เรารู้ว่าในที่สุดเยอรมันก็ต้องแพ้โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอังกฤษฝรั่งเศส   เรารู้ว่าในที่สุดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยก็ต้องจบลงไป  แต่ในขณะนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ  ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
 
ในแง่ของผู้คนทั่วไป  ผมดูแล้วผลกระทบก็น่าจะคล้ายกัน  ในสงครามมีผู้อพยพและศูนย์ผู้ลี้ภัย  มีการอพยพไปอยู่กับญาติในต่างจังหวัด  น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็คล้ายกัน   ในสงครามผู้คนต่างก็ต้องกักตุนอาหาร  เช่นเดียวกัน  น้ำท่วมครั้งนี้สินค้าจำนวนมากถูกกวาดจากชั้นวางของในห้าง  ซึ่งรวมถึงน้ำ อาหารแห้งและอาหารกระป๋อง   เราเห็นความแตกตื่นของผู้คนที่หนีการสู้รบและหนีน้ำไม่ต่างกัน  แต่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ  ความเสียหายของทรัพย์สินที่มากมายมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านและของใช้ภายในบ้านที่จะหายไปกับสงครามและสายน้ำ  แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป

ในมหาสงครามโลกครั้งที่สองนั้น  แน่นอน  ถือเป็นวิกฤติที่ยิ่งใหญ่  แต่วิกฤตินั้นมีโอกาสอยู่เสมอโดยเฉพาะในตลาดหุ้น  ตลาดหุ้นทั้งในอเมริกาและอังกฤษในช่วงของสงครามมีราคาขึ้นลงหวือหวารุนแรงตามสภาวการณ์ของสงคราม  ในช่วงที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพลี่ยงพล้ำ  ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างแรง  แต่ในยามที่เยอรมันปราชัย  ตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้น  เช่นเดียวกัน  ราคาหุ้นของบางบริษัท  เช่นผู้ผลิตอาวุธและยุทธปัจจัยในอเมริกาต่างก็ได้ประโยชน์และวิ่งขึ้น  ตรงกันข้ามกิจการหลายอย่างโดยเฉพาะที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยก็ถูกกระทบเพราะคนคงลดการใช้ลงไปมาก

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็เช่นกัน  บางบริษัทได้ประโยชน์แม้ว่าส่วนใหญ่จะเสียหาย    อย่างไรก็ตาม  กรณีของน้ำท่วมนี้  เรารู้ผลลัพธ์ชัดเจนอยู่แล้วว่าในไม่ช้าน้ำก็จะลดลงหรือแพ้ไปตามธรรมชาติ   ดังนั้น  สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาจึงมีเพียงว่าบริษัทจะได้รับความเสียหายแค่ไหนและความเสียหายนั้นจะต่อเนื่องต่อไปอีกนานเท่าไร   ภาพโดยรวมแล้วผมคิดว่าบริษัทที่น่าจะเสียหายมากที่สุดก็คือบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหรือมีทรัพย์สินอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมรุนแรง  เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ  บริษัทที่มีโรงงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่ที่โดนน้ำท่วมหนักและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีที่ดินและโครงการจมอยู่ใต้น้ำ  ส่วนบริษัทอื่น ๆ  ที่ได้รับผลกระทบรองลงมาก็คือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นที่ถูกกระทบรุนแรงและการผลิตหรือการดำเนินงานต้อง สะดุด  หยุดลงชั่วคราว   ส่วนบริษัทที่ได้ประโยชน์หรือเสียหายน้อยก็คือบริษัทที่อาจจะมียอดขายลดลงบ้างในช่วงนี้แต่จะกลับมาขายดีขึ้นเมื่อน้ำลดเช่นบริษัทขายวัสดุก่อสร้างหรือบริษัทที่ขายสินค้าจำเป็นทั้งหลาย  แต่สิ่งที่จะเป็นโอกาสจริง ๆ  นั้นก็คือ  เราจะต้องพิจารณาว่าราคาหุ้นของแต่ละบริษัทที่เรากำลังพิจารณานั้นตกลงมาแค่ไหนเมื่อเทียบกับผลกระทบที่บริษัทได้รับ  

26  ตุลาคม  2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น