วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่



เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้  ถ้าจะวิเคราะห์ผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนั้น  เราควรแยกความเสียหายออกเป็นสองด้านนั่นคือ  ความเสียหายจากทรัพย์สิน  และความเสียหายจากธุรกิจเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ  ยอดขายที่ลดลงในระยะสั้นและระยะยาว   โดยทั่วไปบริษัทมักจะเสียหายทั้งสองด้าน  คือทรัพย์สินเสียหาย  แล้วตามด้วยธุรกิจที่ถดถอยลง  อย่างไรก็ตาม  บางบริษัททรัพย์สินเสียหายบ้าง  แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ด้อยลง  อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ   เช่นเดียวกัน  บางบริษัท  ทรัพย์สินไม่ได้เสียหาย  แต่ธุรกิจด้อยลง   ลองมาดูกันว่าธุรกิจแต่ละอย่างถูกกระทบอย่างไร

บริษัทที่ทำนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตที่ถูกน้ำท่วมรุนแรงนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ที่เสียหายหนักทั้งด้านของทรัพย์สินและการเสียหายด้านธุรกิจ  ประเด็นของการเสียหายด้านทรัพย์สินนั้นมีทั้งด้านของสาธารณูปโภคของนิคมเช่น  ระบบไฟฟ้าซึ่งรวมถึงเครื่องปั่นไฟที่บริษัทมักจะผลิตไฟฟ้าขายให้กับบริษัทในนิคม  เครื่องทำน้ำประปา  ระบบบำบัดน้ำเสีย  และอื่น ๆ  อีกมาก  อย่างไรก็ตาม  ความเสียหายในส่วนนี้  บริษัทมักมีการทำประกันไว้  ดังนั้น  ก็จะได้รับการชดเชยบ้าง   แต่ทรัพย์สินสำคัญที่น่าจะเสียหายอย่างหนัก  แต่เราอาจจะยังไม่ตระหนักก็คือ  การลดค่าของที่ดิน  เนื่องจากทำเลนั้นกลายเป็นทำเลที่ ไม่เหมาะสมสำหรับการสร้างโรงงาน  เนื่องจากอาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ได้อีกในอนาคต  ซึ่งการเสียหายแบบหลังนี้น่าจะสูงกว่าแบบแรก  รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นความเสียหายที่ไม่มีการทำประกันไว้

ความเสียหายทางธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมเองก็น่าจะสูงมาก  เหตุผลก็เพราะว่าลูกค้ารายใหม่ ๆ  ที่คิดจะซื้อที่ดินสร้างโรงงานก็คงหลีกเลี่ยงที่จะซื้อที่ดินเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคต  จริงอยู่  นิคมอาจจะทำระบบกำแพงป้องกันน้ำท่วมแบบแข็งแรงน้ำไม่สามารถเข้าไปท่วมได้  แต่นั่นก็ไม่รับประกันว่าโรงงานที่อยู่ข้างในจะสามารถเปิดดำเนินการได้ถ้าภายนอกนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำและคนและวัตถุดิบต่าง ๆ  ไม่สามารถจะเข้าไปได้  นอกจากนั้น  การสร้างกำแพงป้องกันก็ต้องลงทุนไม่น้อย   และไม่ว่าจะเป็นกรณีใด  ราคาขายที่ดินถ้าไม่ลดลงก็คงจะไม่สามารถปรับขึ้นไปได้   ดังนั้น  ดูไปแล้ว  ธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากไปอีกนานพอสมควรทีเดียว  อย่างมากที่จะทำได้ก็คือ  ต้องไปหาทำเลใหม่และเริ่มต้นนับหนึ่งจากทำเลนั้น  ซึ่งกว่าจะเริ่มออกดอกผลก็มักจะต้องใช้เวลานานเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ต้องใส่ลงไป

บริษัททำบ้านจัดสรร  โดยเฉพาะที่มีโครงการและที่ดินเหลืออยู่ในทำเลที่ถูกน้ำท่วมหนักเช่นในย่านบางบัวทองหรือบางใหญ่  ความเสียหายของทรัพย์สินนั้นในทางบัญชีอาจจะดูเหมือนว่าจะมีน้อย  อย่างไรก็ตาม  นี่ก็เหมือนกับในกรณีของนิคมอุตสาหกรรมนั่นคือ  มันไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการลดค่าของที่ดินซึ่งน่าจะมีไม่น้อย  ผมเองไม่ได้มีตัวเลขที่ชัดเจน  แต่เมื่อคิดถึงตัวเองที่มีที่ดินจัดสรรอยู่ในเขตน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากแล้ว  ถ้าขายได้ครึ่งหนึ่งของราคาเดิมผมก็พอใจแล้ว  ในกรณีของที่ดินในโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่โดนน้ำท่วมหนักในครั้งนี้  ผมคิดว่าราคาจะลดลงซัก 20-30%  ก็น่าจะเป็นไปได้

ในส่วนของธุรกิจบ้านจัดสรรเองนั้น  ผมคิดว่าการขายบ้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนักครั้งนี้คงจะยากขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงปีหรือสองปีนี้  ว่าที่จริงแม้แต่บ้านที่มีการวางมัดจำหรือผ่อนดาวน์ไปบ้างแล้วก็น่าจะมีการทิ้งดาวน์ไม่ไปโอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน  เหตุผลนอกจากการไม่อยากมีบ้านอยู่ในทำเลที่  ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย  แล้ว  ก็อาจจะเป็นเพราะคนที่จองซื้อไว้อาจจะมองว่าราคาของบ้านคงจะลดลงมา  ดังนั้นจึงยอมทิ้งดาวน์  และถ้าอยากจะได้จริง ๆ  ก็ค่อยไปซื้อใหม่น่าจะได้บ้านในราคาที่ถูกกว่า  ดังนั้น  ธุรกิจของบริษัทที่มีโครงการและที่ดินอยู่ในเขตน้ำท่วมหนักอย่างมีนัยสำคัญคงถูกกระทบค่อนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า   วิธีการแก้ไขก็คงต้องไปทำโครงการที่อยู่ในทำเลที่ไม่ถูกน้ำท่วมรุนแรง  อย่างไรก็ตาม  นี่ก็มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงการ

บริษัทที่เป็นโรงงานผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคและยานยนต์ที่มีโรงงานหลักอยู่ในเขตที่น้ำท่วมรุนแรงนั้น  ความเสียหายจากทรัพย์สินคงจะมีไม่น้อยทีเดียวแม้ว่าจะมีการประกันภัยไว้  เพราะนอกจากทรัพย์สินแล้ว  โรงงานคงมีค่าใช้จ่ายที่ไม่น่าจะเคลมคืนได้เช่น  ค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรงงาน  ค่าแรงคนงานที่มักจะยังต้องจ่ายในระดับถึง 75%  ของค่าแรงพื้นฐาน  สินค้าและวัตถุดิบที่เสียหาย  และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ  อีกมาก

ในส่วนของความเสียหายทางด้านธุรกิจนั้นผมคิดว่าคงมีไม่น้อยเหมือนกันโดยเฉพาะผู้ผลิตที่เป็นผู้ส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นหลัก  เหตุผลนั้นนอกจากความเสียหายที่ไม่สามารถขายสินค้าได้ในช่วงที่โรงงานถูกน้ำท่วมเป็นเดือน ๆ  แล้ว  ในระยะยาวออกไปหลังจากที่โรงงานกลับมาดำเนินการใหม่บริษัทเองก็อาจจะประสบปัญหาในการขายได้เหมือนกันในแง่ที่ว่า  ลูกค้าเดิมนั้นอาจจะหันไปหาซัพพลายเออร์รายใหม่ไปแล้วเนื่องจากเขารอไม่ไหว   จริงอยู่  บริษัทน่าจะได้รับออเดอร์กลับมาบ้าง  แต่ผู้ซื้อก็อาจจะต้องกระจายความเสี่ยงโดยการสั่งซื้อจากที่อื่นมากขึ้นเนื่องจากเขากลัวว่าถ้าเกิดปัญหาน้ำท่วมอีกในอนาคต  การผลิตของเขาจะมีปัญหาอีกเช่นในปีนี้

ธุรกิจเช่นพวกผู้ค้าปลีกเองนั้น  ความเสียหายจากทรัพย์สินเองมักจะมีไม่มากเนื่องจากมักจะเป็นแค่ร้านค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก  เครื่องมือหรืออุปกรณ์มักมีราคาไม่สูงและน่าจะมีการประกันภัยไว้  ในส่วนของธุรกิจเอง  ความเสียหายส่วนใหญ่น่าจะมาจากยอดขายที่หายไปจากการปิดสาขาร้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก  อย่างไรก็ตาม  เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมแล้วก็ยังไม่มากมายนัก  ความเสียหายอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่สินค้าขาดเนื่องจากระบบจัดส่งสินค้าขัดข้องเนื่องจากศูนย์กระจายสินค้าถูกน้ำท่วม  อย่างไรก็ตาม  ยอดขายที่ลดลงนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องระยะสั้น  เมื่อน้ำลดหรือระบบกระจายสินค้าทั้งที่เป็นศูนย์ชั่วคราวหรือศูนย์เดิมทำงานได้แล้ว   ยอดขายก็จะกลับมาเป็นปกติ  ผลกระทบระยะยาวมีน้อยมาก

สุดท้ายก็คือบริษัทที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านหรือสิ่งก่อสร้างหลังน้ำลด  นี่รวมถึงผู้ขายวัสดุและผู้รับเหมาก่อสร้าง  บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ใคร่ถูกกระทบในด้านของทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่  ในด้านของธุรกิจเองนั้น  ในช่วงน้ำกำลังท่วมบริษัทอาจจะมียอดขายที่ลดลงบ้างเนื่องจากปัญหาการคมนาคมและตัวลูกค้าและคนงานที่อาจจะพะวงอยู่กับปัญหาน้ำท่วม   แต่หลังจากน้ำลดลงแล้ว  ธุรกิจก็จะเฟื่องฟูมากจน  ทำไม่ทัน  และมากกว่ายอดขายที่เสียไป  ยอดขายหรือธุรกิจที่ดีขึ้นนี้น่าจะดำรงอยู่อย่างน้อยก็ 1-2 ปีขึ้นไป  และต้องถือว่านี่คือกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากน้ำท่วมใหญ่  ในขณะที่กลุ่มอื่นทั้งหมดนั้น  โดยรวมแล้วมักจะเสียหายหรือขาดทุนหรืออย่างมากก็เสมอตัวในเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
   
11  พฤศจิกายน  2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น