วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน


เซียนหรือนักลงทุนที่ มุ่งมั่นนั้น  ดูเหมือนว่าจะมีความคิดเกี่ยวกับอนาคตหรือแนวโน้มของกิจการเป็น  2 แนวทาง   กลุ่มของเซียนที่กล้าได้กล้าเสียมากกว่า  อายุน้อยกว่า  กระตือรือร้นกว่า  และมีสปิริตของ  นักเก็งกำไร”  มากกว่า  พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่กำลังมีการ  เปลี่ยนแปลง”  ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ  พวกเขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของกิจการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ  และนั่นเป็นโอกาสที่เขาจะซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว 

นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรกมาก  พวกเขาน่าจะมีอายุมากกว่า  อนุรักษ์นิยมกว่า  เป็นพวกที่เน้นความปลอดภัยสูง  และมีสปิริตของ นักลงทุนมากกว่าการเทรดหุ้น  พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่มีความแน่นอนของผลประกอบการและชอบกิจการที่  ไม่เปลี่ยนแปลง”  ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ  พวกเขาเชื่อว่ากิจการที่มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไปง่าย ๆ  นั้น  จะทำให้เขาสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำหรือใกล้เคียงความเป็นจริง  ดังนั้น  การซื้อหุ้นลงทุนจะมีความผิดพลาดน้อยกว่ากิจการที่มีหรือจะมีการเปลี่ยนแปลงสูง  คนกลุ่มนี้มีความคิดว่าผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นมาก ๆ  นั้น  อยู่ที่การเติบโตของกิจการในอนาคตจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ  ของบริษัท  พูดง่าย ๆ  พวกเขาเชื่อว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของยอดขายและกำไรของบริษัท  ดังนั้น  วิธีทำเงินก็คือ  ซื้อหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวแล้วถือไว้ยาว ๆ  โดยไม่ต้องทำอะไร  ยกเว้นแต่การคอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท

การเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็สามารถจำแนกออกได้เป็นหลาย ๆ  กลุ่มที่เราสามารถพบเห็นในตลาดหุ้นได้ดังต่อไปนี้ 

กลุ่มแรกที่พบได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทขนาดเล็กและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหาในการดำเนินงานและกำลัง ฟื้นฟูกิจการโดยผู้ถือหุ้นและผู้บริหารกลุ่มใหม่  การที่เป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้การเปลี่ยนแปลงแบบ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือนั้นทำได้ง่าย  วิธีการก็คือทำการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่  แล้วก็ประกาศเปลี่ยนธุรกิจ  จากธุรกิจเดิมเป็นธุรกิจที่ มีโอกาสทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว  อาจจะเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เคยทำธุรกิจนั้นอยู่เช่น  ธุรกิจรับเหมาหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่กำลัง ร้อนแรง”  และการเข้าสู่ธุรกิจทำได้ง่ายเช่น  ธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทนต่าง ๆ  หรือถ้าเป็นบริษัทที่ทำทางด้านบริการก็อาจจะหันไปจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบันเทิงหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ  เป็นต้น 

การเปลี่ยนแปลง พื้นฐานของกิจการเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างสิ้นเชิงนั้น  ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว  ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ  จริงอยู่  ในระยะยาวบริษัทก็อาจจะมีกำไรและทำให้บริษัทที่เคยมีปัญหาฟื้นตัวได้  แต่ถ้าหากกำไรที่ทำได้นั้น  เป็น กำไรปกติ”  หรือเป็นกำไรที่เหมาะสมกับ เงินลงทุนที่ใส่เข้าไปในบริษัท  ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอาจจะเท่ากับ 10% ต่อปีในระยะยาว  ถ้าเป็นแบบนี้  มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น  ดังนั้น  ราคาหุ้นก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว  ความหมายก็คือ  ใส่เงินใหม่เข้าไปเท่าไร  ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่านั้นในระยะยาว 

อย่างไรก็ตาม  ในระยะสั้น  ราคาหุ้นนั้นย่อมขึ้นอยู่กับ ความเชื่อ”  ของนักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  ถ้า สปอนเซอร์”  หรือคนที่เข้ามาเปลี่ยนกิจการสามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำกิจการใหม่ให้มีกำไรได้อย่างรวดเร็วและสูงเหมือนกับกิจการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  คนก็จะเข้ามาซื้อหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว  และดังนั้น  คนที่เข้าไปเปลี่ยนกิจการหรือคนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนก็สามารถขายหุ้นทำกำไรได้มากและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

กลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการที่เป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมาและไม่มีปัญหาการดำเนินงานนั้น  น่าจะเป็นกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีหรือกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ  ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเทคโอเวอร์กิจการที่เป็นคู่แข่ง และ/หรือ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของตน  และในกระบวนการนั้น  ทำให้เกิดความได้เปรียบเนื่องจากขนาดหรือทำให้เกิดความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในสายตาของลูกค้า  ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่บริษัทจ่ายไป  ลักษณะนี้จะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับกับ  พื้นฐานใหม่”  คนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนในราคาต่ำก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ  และก็เช่นเดียวกัน  ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไปทันทีเพียงเพราะว่านักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนเชื่อว่าสิ่งที่บริษัททำนั้นจะเป็นจริง  อย่างไรก็ตาม  ในระยะยาวแล้ว  ผลประกอบการที่ประกาศออกมาจะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ดีขึ้นหรือเลวลง และราคาหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานนั้น 

คนที่  หากินกับความเปลี่ยนแปลงของกิจการนั้น  บ่อยครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานระยะยาวจริง ๆ  พวกเขามองหาการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อผลการดำเนินงานของบริษัท  ตัวอย่างเช่น  บริษัทหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายนั้น  ถ้าราคาสินค้าหรือบริการกำลังปรับตัวขึ้นและเขาคิดว่าด้วยความไม่สมดุลของการผลิตและการบริโภคที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์มีการปรับตัวขึ้นไปอีกมาก  แบบนี้  การซื้อหุ้นไว้ก่อนก็จะทำให้ได้กำไรมหาศาล  อย่างไรก็ตาม  คนที่สามารถคาดการณ์ได้จริง ๆ  ก็หาได้ยาก  โอกาสผิดพลาดมักจะมีสูง 

การเล่นหุ้นที่กำลังมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนั้น  เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ  บ่อยครั้งเราไม่จำเป็นต้องคาดถูกหรือคาดผิดด้วยซ้ำ  เราเพียงแต่คาดถูกต้องว่า  คนอื่นเชื่ออย่างไรเพราะราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นอยู่ที่ความเชื่อไม่ใช่ความจริง   ผลตอบแทนของการคาดการณ์ถูกต้องนั้นสูงมาก  เช่นเดียวกัน  ผลตอบแทนจากการคาดผิดก็เลวร้ายได้ไม่แพ้กัน  อย่างไรก็ตาม  คนที่เล่นเกมนี้ต้องเข้าใจว่ามีบางคนที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น  อย่างน้อย สปอนเซอร์”  ก็รู้ดีกว่าคนนอก  ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีพลังการซื้อและการชี้นำสูงก็อาจจะได้เปรียบรายย่อยที่เป็นฝ่ายรับข้อมูลมากกว่า 

กลับมาในกลุ่มของคนที่หากินกับการ  ไม่เปลี่ยนแปลง”  นี่คือยุทธศาสตร์การลงทุนที่ น่าเบื่อ”  เพราะโดยตัวธุรกิจเองนั้น  ธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมักเป็นธุรกิจที่ไม่ใคร่มีความคิดสร้างสรรค์มากมายนัก เป็นธุรกิจที่เรียกว่า รูทีนทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นมานานส่วนใหญ่อาจจะนับสิบๆปี หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายก็มักจะเป็นกิจการที่ แข็งแกร่งหรือ ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านการตลาดและการเงินเมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ผลประกอบการนั้นมักจะคาดการณ์ได้แต่การเติบโตขึ้นเป็นหลายสิบหรือร้อย ๆ  เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้  ตัวหุ้นเองก็มักจะไม่ปรับตัวขึ้นหรือลงหวือหวา  ดังนั้น  ถ้าคนชอบที่จะมีชีวิตการลงทุนที่มั่นคงพอสมควรและไม่ต้องการความกังวลใจกับการลงทุนตลอดเวลา  นี่ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและในระยะยาวแล้ว  ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็อาจจะไม่แพ้การลงทุนที่เน้นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพพอ ๆ กัน





     10 สิงหาคม  2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น