วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เปลี่ยน VS ไม่เปลี่ยน


เซียนหรือนักลงทุนที่ มุ่งมั่นนั้น  ดูเหมือนว่าจะมีความคิดเกี่ยวกับอนาคตหรือแนวโน้มของกิจการเป็น  2 แนวทาง   กลุ่มของเซียนที่กล้าได้กล้าเสียมากกว่า  อายุน้อยกว่า  กระตือรือร้นกว่า  และมีสปิริตของ  นักเก็งกำไร”  มากกว่า  พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่กำลังมีการ  เปลี่ยนแปลง”  ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ  พวกเขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของกิจการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ  และนั่นเป็นโอกาสที่เขาจะซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว 

นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรกมาก  พวกเขาน่าจะมีอายุมากกว่า  อนุรักษ์นิยมกว่า  เป็นพวกที่เน้นความปลอดภัยสูง  และมีสปิริตของ นักลงทุนมากกว่าการเทรดหุ้น  พวกเขาจะชอบการลงทุนในบริษัทที่มีความแน่นอนของผลประกอบการและชอบกิจการที่  ไม่เปลี่ยนแปลง”  ในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการ  พวกเขาเชื่อว่ากิจการที่มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไปง่าย ๆ  นั้น  จะทำให้เขาสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำหรือใกล้เคียงความเป็นจริง  ดังนั้น  การซื้อหุ้นลงทุนจะมีความผิดพลาดน้อยกว่ากิจการที่มีหรือจะมีการเปลี่ยนแปลงสูง  คนกลุ่มนี้มีความคิดว่าผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นมาก ๆ  นั้น  อยู่ที่การเติบโตของกิจการในอนาคตจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ  ของบริษัท  พูดง่าย ๆ  พวกเขาเชื่อว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของยอดขายและกำไรของบริษัท  ดังนั้น  วิธีทำเงินก็คือ  ซื้อหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวแล้วถือไว้ยาว ๆ  โดยไม่ต้องทำอะไร  ยกเว้นแต่การคอยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท

การเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานที่สำคัญของกิจการนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็สามารถจำแนกออกได้เป็นหลาย ๆ  กลุ่มที่เราสามารถพบเห็นในตลาดหุ้นได้ดังต่อไปนี้ 

กลุ่มแรกที่พบได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทขนาดเล็กและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีปัญหาหรือเคยมีปัญหาในการดำเนินงานและกำลัง ฟื้นฟูกิจการโดยผู้ถือหุ้นและผู้บริหารกลุ่มใหม่  การที่เป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้การเปลี่ยนแปลงแบบ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือนั้นทำได้ง่าย  วิธีการก็คือทำการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่  แล้วก็ประกาศเปลี่ยนธุรกิจ  จากธุรกิจเดิมเป็นธุรกิจที่ มีโอกาสทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว  อาจจะเพราะผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เคยทำธุรกิจนั้นอยู่เช่น  ธุรกิจรับเหมาหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่กำลัง ร้อนแรง”  และการเข้าสู่ธุรกิจทำได้ง่ายเช่น  ธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทนต่าง ๆ  หรือถ้าเป็นบริษัทที่ทำทางด้านบริการก็อาจจะหันไปจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบันเทิงหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ  เป็นต้น 

การเปลี่ยนแปลง พื้นฐานของกิจการเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างสิ้นเชิงนั้น  ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว  ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ  จริงอยู่  ในระยะยาวบริษัทก็อาจจะมีกำไรและทำให้บริษัทที่เคยมีปัญหาฟื้นตัวได้  แต่ถ้าหากกำไรที่ทำได้นั้น  เป็น กำไรปกติ”  หรือเป็นกำไรที่เหมาะสมกับ เงินลงทุนที่ใส่เข้าไปในบริษัท  ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอาจจะเท่ากับ 10% ต่อปีในระยะยาว  ถ้าเป็นแบบนี้  มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น  ดังนั้น  ราคาหุ้นก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว  ความหมายก็คือ  ใส่เงินใหม่เข้าไปเท่าไร  ราคาหุ้นก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่านั้นในระยะยาว 

อย่างไรก็ตาม  ในระยะสั้น  ราคาหุ้นนั้นย่อมขึ้นอยู่กับ ความเชื่อ”  ของนักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  ถ้า สปอนเซอร์”  หรือคนที่เข้ามาเปลี่ยนกิจการสามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำกิจการใหม่ให้มีกำไรได้อย่างรวดเร็วและสูงเหมือนกับกิจการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  คนก็จะเข้ามาซื้อหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว  และดังนั้น  คนที่เข้าไปเปลี่ยนกิจการหรือคนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนก็สามารถขายหุ้นทำกำไรได้มากและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

กลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของกิจการที่เป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมาและไม่มีปัญหาการดำเนินงานนั้น  น่าจะเป็นกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีหรือกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ  ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการเทคโอเวอร์กิจการที่เป็นคู่แข่ง และ/หรือ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของตน  และในกระบวนการนั้น  ทำให้เกิดความได้เปรียบเนื่องจากขนาดหรือทำให้เกิดความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในสายตาของลูกค้า  ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่บริษัทจ่ายไป  ลักษณะนี้จะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับกับ  พื้นฐานใหม่”  คนที่เข้าไปซื้อหุ้นไว้ก่อนในราคาต่ำก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ  และก็เช่นเดียวกัน  ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไปทันทีเพียงเพราะว่านักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนเชื่อว่าสิ่งที่บริษัททำนั้นจะเป็นจริง  อย่างไรก็ตาม  ในระยะยาวแล้ว  ผลประกอบการที่ประกาศออกมาจะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ดีขึ้นหรือเลวลง และราคาหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานนั้น 

คนที่  หากินกับความเปลี่ยนแปลงของกิจการนั้น  บ่อยครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานระยะยาวจริง ๆ  พวกเขามองหาการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อผลการดำเนินงานของบริษัท  ตัวอย่างเช่น  บริษัทหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายนั้น  ถ้าราคาสินค้าหรือบริการกำลังปรับตัวขึ้นและเขาคิดว่าด้วยความไม่สมดุลของการผลิตและการบริโภคที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้ราคาโภคภัณฑ์มีการปรับตัวขึ้นไปอีกมาก  แบบนี้  การซื้อหุ้นไว้ก่อนก็จะทำให้ได้กำไรมหาศาล  อย่างไรก็ตาม  คนที่สามารถคาดการณ์ได้จริง ๆ  ก็หาได้ยาก  โอกาสผิดพลาดมักจะมีสูง 

การเล่นหุ้นที่กำลังมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนั้น  เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ  บ่อยครั้งเราไม่จำเป็นต้องคาดถูกหรือคาดผิดด้วยซ้ำ  เราเพียงแต่คาดถูกต้องว่า  คนอื่นเชื่ออย่างไรเพราะราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นอยู่ที่ความเชื่อไม่ใช่ความจริง   ผลตอบแทนของการคาดการณ์ถูกต้องนั้นสูงมาก  เช่นเดียวกัน  ผลตอบแทนจากการคาดผิดก็เลวร้ายได้ไม่แพ้กัน  อย่างไรก็ตาม  คนที่เล่นเกมนี้ต้องเข้าใจว่ามีบางคนที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น  อย่างน้อย สปอนเซอร์”  ก็รู้ดีกว่าคนนอก  ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีพลังการซื้อและการชี้นำสูงก็อาจจะได้เปรียบรายย่อยที่เป็นฝ่ายรับข้อมูลมากกว่า 

กลับมาในกลุ่มของคนที่หากินกับการ  ไม่เปลี่ยนแปลง”  นี่คือยุทธศาสตร์การลงทุนที่ น่าเบื่อ”  เพราะโดยตัวธุรกิจเองนั้น  ธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมักเป็นธุรกิจที่ไม่ใคร่มีความคิดสร้างสรรค์มากมายนัก เป็นธุรกิจที่เรียกว่า รูทีนทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นมานานส่วนใหญ่อาจจะนับสิบๆปี หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายก็มักจะเป็นกิจการที่ แข็งแกร่งหรือ ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านการตลาดและการเงินเมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ผลประกอบการนั้นมักจะคาดการณ์ได้แต่การเติบโตขึ้นเป็นหลายสิบหรือร้อย ๆ  เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เป็นไปไม่ได้  ตัวหุ้นเองก็มักจะไม่ปรับตัวขึ้นหรือลงหวือหวา  ดังนั้น  ถ้าคนชอบที่จะมีชีวิตการลงทุนที่มั่นคงพอสมควรและไม่ต้องการความกังวลใจกับการลงทุนตลอดเวลา  นี่ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและในระยะยาวแล้ว  ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยก็อาจจะไม่แพ้การลงทุนที่เน้นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพพอ ๆ กัน





     10 สิงหาคม  2554

สุลต่านในฮาเร็ม


ลองจิตนาการดูว่าจะมีความสุขแค่ไหนถ้าเราเป็นสุลต่านที่มีความมั่งคั่งและอำนาจเด็ดขาดที่สามารถสั่งการเรื่องใดก็ได้ในอาณาจักรของตนเอง  ทุกเช้าเวลาสิบโมงตรง  หญิงงาม 500 คน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามจะถูกบัญชาให้เดินเรียงแถวเข้าเสนอตัวให้สุลต่านคัดเลือกเพื่อให้เป็นนางบำเรอหรือเป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้วแต่ที่สุลต่านจะต้องการ

สาวงามแต่ละคนต่างก็อวดโฉมและเสนอตัวด้วยมารยาต่าง ๆ  เพื่อหวังจะได้รับเลือกให้เป็นคู่ของสุลต่าน  การได้รับเลือกเป็นความฝันสูงสุดของทุกคน   สุลต่านเองก็มีประวัติและข้อมูลเฉพาะตัวเกี่ยวกับหญิงสาวเช่น  อายุ ความสูง  ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย  รวมถึงอุปนิสัยและความสามารถต่าง ๆ   อย่างไรก็ตาม  ด้วยจำนวนสาวงามที่มากมาย  ดูเหมือนว่าการเลือกสาวดูเหมือนจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย  คำถามก็คือ  จะเลือกไว้ซักกี่คน  และจะเลือกคนไหน  ที่จะทำให้เกิดความสุขสูงสุด?

ถ้าเป็นสุลต่านที่กำลังมีความกำหนัดสูงและไม่ทันได้คิดถึงอนาคตที่ตามมา  พระองค์ก็จะรีบที่จะเลือกสาวตั้งแต่คนต้น ๆ   สาวที่พระองค์คิดว่ามีความงดงามหรือมีจริตกริยาน่ารักน่าใคร่ก็จะถูกเลือกไว้อย่างรวดเร็ว  ในไม่ช้าและก่อนที่จะถึงสาวคนสุดท้าย  พระองค์ก็จะได้ นางบำเรอ”  จำนวนมากมาเป็นคู่  ชีวิตหลังจากนั้น  ดูเหมือนว่าจะสับสนวุ่นวาย  สุลต่านไม่รู้แม้แต่ชื่อของหญิงทุกคนที่มาสัมพันธ์กับตนเองไม่ต้องพูดถึงความ โรแมนติกที่จะได้รับจากการที่ได้กอดกับผู้หญิงที่รู้และเข้าอกเข้าใจ 

ไม่เป็นการดีกว่าหรือที่สุลต่านจะเลือกหญิงงามแค่ซัก 7 คน  อืม..ซัก 6 คนก็น่าจะพอ  เพราะการ  ได้พัก”  สักหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์น่าจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าการ มีความสุขทุกวันโดยไม่ได้พักเลย  ดังนั้น  สิ่งที่สุลต่านควรทำก็คือการกำหนดตั้งแต่ต้นว่าตนต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ที่จะเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี  และมีความผูกพันที่ลึกซึ้งยาวนานพอสมควร  ไม่ใช่ความสัมพันธ์อันฉาบฉวย  จำนวนเพียง 6 คน  ไม่ใช่สาวงามเป็นสิบ ๆ  หรือเป็นร้อยคน 

การเลือกสาวงามเพียง 6 คนจากจำนวน 500 คนนั้น  ถ้าจะให้สาวงามเดินแถวเรียงเข้ามาเพื่อให้พิจารณาคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ   สาวงามแต่ละคนก็มี จุดเด่น”  และจุดด้อยกันคนละอย่างทำให้ตัดสินใจได้ยาก   เหนือสิ่งอื่นใด  สาวงามแต่ละคนต่างก็พยายาม พรีเซ้นต์”  ตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อหวังให้ได้รับการคัดเลือก  นี่อาจจะทำให้สุลต่าน หลง”  ไปกับสาวงามบางคนที่อาจจะไม่ได้มีคุณสมบัติที่ดีเท่าที่ควร  ถ้าเช่นนั้นสุลต่านจะทำอย่างไรดี?

วิธีที่จะคัดสาวงามที่จะทำให้ได้คนที่สวยและดีที่สุดก็คือการตั้ง เกณฑ์”  เพื่อจะตัดสาวงามที่มีคุณสมบัติบางประการไม่ถึงขั้นจะเป็นเลิศออก  ตัวอย่างเกณฑ์ข้อหนึ่งก็คือ  สาวที่มีความสูงไม่ถึง  170 เซนติเมตร ก็ไม่ต้องเดินเข้ามาโชว์ตัว  เกณฑ์ข้ออื่น ๆ  อาจจะเป็นเรื่องของส่วนโค้งส่วนเว้าหรือคุณสมบัติอื่น  ๆ   ที่เป็นที่ต้องการของสุลต่าน  ยิ่งต้องการคนน้อยเท่าไรเมื่อเทียบกับจำนวนคนทั้งหมด  เกณฑ์ก็จะต้องเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น  บางทีแค่ว่าตาเล็กใหญ่ไม่เท่ากันก็ต้องถูกคัดออกแล้ว  ด้วยวิธีการแบบนี้  สุลต่านก็จะเหลือสาวงามจำนวนไม่มากที่จะพิจารณาคัดเลือก  และนางงามเหล่านี้ต่างก็จะต้องสวยสดงดงามระดับนางงามอยู่แล้ว  มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดมาได้  ถึงขั้นนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากที่สุลต่านจะได้สาวในฝันมาบำเรอตนเอง 

ในชีวิตจริงเราคงไม่สามารถเลือกสาวดังกล่าว   ในชีวิตจริงนั้น   บางคนก็สามารถเลือกคู่ได้มากกว่าคนอื่น  คนที่มีทรัพย์สมบัติหรือรูปสมบัติที่ดีมาก ๆ  ก็มักมีแนวโน้มที่จะเลือกคนอื่นประเภท  หล่อเลือกได้”  “รวยเลือกได้”  หรือสมัยนี้ก็อาจจะ  สวยเลือกได้”  แต่สำหรับผมเองแล้ว  ดูเหมือนว่าชีวิตนี้มักจะออกในแนว  ถูกเขาเลือก”  ตลอดมา   หลาย ๆ  ครั้งผมคิดว่าผมอยู่ในสถานะที่  เสียเปรียบ”  ไม่ว่าในการทำงานหรือการใช้ชีวิต  บ่อยครั้งผม เสนอตัว”  เพื่อที่จะให้เขาเลือก  เช่นเสนอตัวให้เขาเลือกเป็นพนักงาน  หรือเสนอตัวเพื่อให้เขาเลือกให้เราและบริษัทเราทำงานให้เขา  แต่ก็มักไม่ได้รับการคัดเลือก  ประเด็นก็คือ  คุณสมบัติของเราไม่ดีพอ  หน้าตารูปร่างเราไม่เด่นพอ  เราไม่ได้มาจากสถาบันการศึกษาที่ดีเยี่ยมระดับโลก  อะไรต่าง ๆ  เหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องของ โชคชะตา”  เราไม่ได้เกิดมาเป็น  สุลต่าน” 

แต่ครั้นแล้วผมก็พบว่า  ยังมีสถานที่แห่งหนึ่ง  ที่ผมสามารถทำลายความ  ด้อยทุกอย่างที่ผมมี  ในสถานที่แห่งนั้น  ผมจะเป็น  สุลต่าน”  ที่ผมจะเป็นฝ่ายที่เลือกได้ตามอำเภอใจ  ที่นั่นก็คือ  ตลาดหุ้น”  ทุก 10 โมงเช้า  จะมีหุ้นกว่า 500 ตัวเสนอตัวออกมาให้ผมเลือกว่าจะลงทุนซื้อหุ้นตัวไหนโดยที่ผมไม่ต้องแม้แต่จะขอร้องให้ออกมาโชว์ตัว  หุ้นกว่า 500 ตัวนี้  ผมไม่มีความจำเป็นและไม่อยากที่จะมีไว้ครอบครองเกินกว่า 10-20 ตัว  ว่าที่จริงหุ้นที่มีนัยสำคัญที่จะเป็น  คู่แท้”  ที่ผมอยากมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนยาวนานนั้น  ผมคิดว่ามีซัก 6 ตัว ก็เพียงพอและมีความสุขแล้ว  การเกี่ยวข้องกับหุ้นจำนวนมากก็คงเหมือนกับการเกี่ยวข้องกับหญิงสาวของสุลต่าน  มันไม่มีความโรแมนติกเสียเลย 

วิธีการคัดเลือกหุ้นของผมก็เหมือนกับการคัดตัวหญิงสาวของสุลต่าน  ผมตั้งเกณฑ์เข้มข้นว่าหุ้นประเภทไหนบ้างที่ผมไม่สนใจและจะคัดออกจากการพิจารณา  สุลต่านกำหนดว่านางงามของตนนั้นต้องสูงอย่างน้อย 170 เซนติเมตร  หุ้นของผมอาจจะต้องเป็นหุ้นที่  โต”  หรือโตเร็ว  หุ้นที่กิจการไม่โตหรือจะเล็กลงในอนาคตผมจะตัดออก  อะไรทำนองนี้  ถ้าจะว่าไป  เกณฑ์ของผมคงจะเข้มงวดมาก  ผมคิดว่ามีหุ้นหลายร้อยตัวในตลาดที่ผมแทบไม่พิจารณาเลย  ผมทำได้  เพราะผมคิดว่า  ในตลาดหลักทรัพย์นั้น  ผมเป็นสุลต่าน”  ไม่ว่าหุ้นจะ สวยแค่ไหน  ก็ไม่มีสิทธิที่จะมาเลือกผม  ผมจะเป็นคนเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อมัน   เหนือสิ่งอื่นใด  ผมต้องการหุ้นแค่ 5- 6 เท่านั้นที่จะทำให้ผมประสบความสำเร็จในการลงทุน 

ประเด็นที่สำคัญสำหรับผมก็คือ  ผมจะต้องตระหนักตลอดเวลาว่า  ผมจะไม่ถูกหุ้น เลือก”   ความหมายก็คือ  หุ้นนั้นก็คงเหมือนหญิง 500 คนที่เสนอตัวให้สุลต่านเลือก   พวกหล่อนต้องแต่งตัวดีและยั่วเย้าเพื่อให้สุลต่านหลงเพื่อจะได้รับการเลือก   หุ้นจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์นั้น  เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับหญิงของสุลต่านที่พยายามยั่วให้คนมาซื้อ   นั่นคือ  ในทุก ๆ  วันจะมีหุ้นบางตัวมีราคาและปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างหวือหวา  และนั่น  ยั่ว”  ให้นักเล่นหุ้นสนใจเข้าไปร่วมซื้อขายอย่างไม่ได้พินิจพิจารณาเป็นอย่างดี  พวกเขาเข้าไปซื้อเพราะหวังกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าที่จริงเขา  ถูกเลือก”  ให้เข้าไป  เล่น”  ในสถานการณ์แบบนี้  โอกาสที่จะได้  หุ้นงาม”  นั้นมีน้อย  แต่โอกาสที่จะเสียจะมีมากกว่า  น่าเสียดายที่คนเล่นหุ้นรายย่อยในตลาดนั้น  ส่วนใหญ่แล้ว  มัก ถูกเลือก”  มากกว่าเป็น  ผู้เลือก     



2 สิงหาคม  2554